สิ่งที่เล่าต่อไปนี้.......ไม่ใช่เรื่องขำเป็นเรื่องโบราณ ที่บรรพบุรุษกี่ยุคกี่สมัยก็คิดจนหัวแตกแล้วแตกอีก ก็ยังตีความไม่ได้ว่าการเกิดของมนุษย์ชาตินั้นเกิดจากธรรมชาติด้วยตัวมันเอง หรือมีการสร้างให้เกิดขึ้น เรื่องราวของป่าหิมพานต์เป็นตำนาน จนไม่สามารถย้อนกลับไปได้ง่ายว่าเกิดอะไรขึ้น แต่วาระนี้ผู้เขียนมีข้อมูลบางอย่าง และข้อมูลนี้เป็นการอาศัยหลักในการต่อจิกซอ ของข้อมูลจากหลาย ๆ เวปและหลักฐานโบราณคดีของชาวสุเมเรียน แรงบันดาลใจที่ให้ทำตรงนี้เกิดจากคำลบหลู่ของชาวอินเดียกับชาวตะวันตกที่บอกว่า พระพุทธเจ้า ท่านฉันหมูและเสียชีวิตตอนที่ยังไม่ชราเลย !!! พวกเขารู้มาเพราะมีข้อพิสูจน์จากใครบางคนเขียนบันทึกไว้.....แต่เราก็มีเพียงการเล่ามาของบรรพบุรุษ และศาสนาที่อบรมตั้งแต่เป็นเด็ก ซึ่งถ้าจะเถียงคงไม่เหมาะ เพราะจะทำให้ทะเลาะกันเปล่า ๆ ไม่ดีแน่...........
จิกซอตัวแรกคือ ประวัติหิมพานต์ เราจะมาตีความและควบคู่ไปกับหลักความรู้ที่เรียนมากับอีกหลักฐานคือวัตถุโบราณของชาวมูหรือเลมูเรีย MU , LEMURIAใคร ๆก็รู้อยู่แล้วตำนานป่าหิมพานต์ประมาณไหน มีสัตว์อะไรบ้าง หากยังไม่ทราบ (ขออนุญาตอ้างอิงจากเวป โปรดคลิก) ถ้าได้อ่านจบแล้วก็พอเห็นภาพคร่าวๆ จะขอเขียนแบบรวบรัดนั้นคือ
1.มีการทะเลาะกันเพื่อชิงตัวนางกินรี
ตรงนี้ไม่น่ามีอะไรผิดปกติ
2.ระมาดชนกับเสาค้ำจุนโลกจนเสาค้ำจุนโลกเอียงและไปกระทบกับดวงอาทิตย์ ทำให้ดวงอาทิตย์แตกแยกเป็น 2 ดวง
ขอสรุปว่าเป็นพระอาทิตย์ ดวงเล็กเพิ่มมาอีกดวง กับดวงใหญ่ที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้ แต่การแตกออกจะเป็นเหตุผลของเทพป่าหิมพานต์กระทำหรือไม่นั้น หรือการที่มีอะไรบางอย่างมากระทบกับดวงอาทิตย์ แล้วระเบิดออก ซึ่งก็ยังหาหลักฐานต่อไป
3.กบิลปักษากลายสภาพเป็นดาบและพุ่งเข้าไปหาเสาค้ำจุนโลก พร้อมๆกับที่ร่างของกบิลปักษาร่วงหล่นสู่พสุธา ดาบแห่งความเสียสละพุ่งเข้าเสียบที่ร่างของปลาอานนท์ เกิดแสงเปล่งประกาย สั่นสะเทือนทั่วโลกาหิมพานต์ เสาค้ำจุนล้มลงและกระแทกกับพระอาทิตย์จนถูกดีดลอยไกลออกไป ส่วนดวงอาทิตย์อีกดวงที่แยกออกมากลับเริ่มดึงดูดผืนพสุธาเข้าหา แปรเปลี่ยนโลกาจากหลังเต่า กลับกลายเป็นรูปลักษณ์ที่เป็นวงกลมรี
เป็นที่ทราบกันดี มีการตั้งข้อสันนิฐานว่า ดาวอังคารเป็นดาวฝาแฝดของโลก คล้ายว่ามีสิ่งมีชีวิตเคยอาศัยอยู่ อีกทั้งมีก๊าซออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ รวมไปถึงก้อนหินที่พบที่ขั้วโลกเหนือมีอายุราว 5000 ปีหรือมากกว่านั้น ก็มีซากฟอสซิลเดียวกันกับดาวอังคาร ซึ่งทางนาซ่ากล่าวว่า ถ้าหากมีสิ่งมีชีวิตก็จะมีร่างกายที่ประหลาดออกไป ไม่เหมือนมนุษย์
ข้อนี้สิ่งที่เข้าใจคือ มีอะไรบางอย่างมาปะทะกับวงโคจรของเรา และกระทบกับดาวอังคารมากที่สุด จึงทำให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ แล้วแตกเป็นสะเก็ดขนาดใหญ่มหึมากระเด็นออก แล้วส่งผลให้ดาวเคราะห์ทุกดวงเกิดแรงเหวี่ยงกลายเป็นวงรี สะเก็ดแผ่นใหญ่ลอยไปและถูกดูดเข้ากันกับดวงอาทิตย์ดวงเล็ก จึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
คือมีฤดูกาลเกิดขึ้น จากนั้นก็มีอากาศและน้ำตามมา และนั่นคือทำไมแกนกลางโลกถึงร้อนอยู่ตลอด สำหรับดวงจันทร์ทางน่าซ่า ก็กล่าวว่าพบซากฟอสซิลเช่นเดียวกับโลกอีกด้วย
ส่วนความหมาย หลังจากที่ระมาดพุ่งชนเสาค้ำจุนโลกเอียง เลยทำให้พระอาทติย์แตกเป็นสองดวง เสาค้ำจุนในที่นี้น่าจะหมายถึง แรงดึงดูดของพระอาทติย์ทำนองนั้น เนื่องจากดวงตา หรือความสามารถในการมองเห็นของมนุษย์ กับเทพหิมพานต์แตกต่างกัน อาจเป็นรัศมีอะไรบางอย่างที่พุ่งตรงลงมายังพวกเขา เลยดูคล้ายๆ ว่าเป็นเสาค้ำ แล้วซากปลาอานนท์ที่ค้ำจุนเสาอันนี้ ก็น่าจะเป็นจุดรวมพลังงานที่ส่งมาจากดวงอาทิตย์ ดังนี้ความลับของพลังงานต้องเกี่ยวข้องกับอะไรบางอย่างในเหตุผลที่ว่านี้ด้วย
แน่นอนว่าการปะทะกันรุนแรงในเวลานั้น เป็นผลให้เกิดการมาเยือนของเอเลี่ยนก็ว่าได้...
ขอขอบคุณ พันทิป.คอม
