แพทย์แผนไทย โคราช รักษาโรค SLE ไขความลับวิธีรักษาโรคแพ้ภูมิตัวเองหรือโรคพุ่มพวง ( SLE)
รถตู้ให้เช่า ร้อยเอ็ด
หมอเอ ณัฐปราชญ์ คลินิก
×

คำเตือน

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 2147483647

 

โลกของเรายังมีอาหารท้องถิ่นแปลกๆ ที่เราไม่เคยเห็นอีกมากมาย แน่นอนว่าตามสามัญสำนึกของเราแล้ว อาหารที่ว่ามันช่างแปลกประหลาด และน่าขยะแขยงเหลือเกิน แต่ในขณะเดียวกันมันก็อันตรายด้วย หากกินไม่ระมัดระวัง และนี่คือบางส่วนของเมนูแปลก

10.Hakarl
               ฉลามกรีนแลนด์ ( Greenland shark ) ที่อาศัยอยู่ใน ทางตอนเหนือของ มหาสมุทรแอตแลนติก อาจเป็นสัตว์อันตรายที่จัดอยู่ใน นักล่าสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร คือ ไม่มีสัตว์อื่นใดล่ามันเป็นอาหารตามธรรมชาติเลย  ยกเว้นมนุษย์ เมื่อชาวกรีนแลนด์ที่ได้ล่ามันเพื่อทำอาหารเป็นเมนูพิศดาร ที่เรียกว่า “ ฉลามเน่า “ ( Hákarl หรือ kæstur hákarl ) ที่ได้ชื่อว่าเป็น “อาหารที่เหม็นที่สุดในโลก” ซึ่งกลิ่นเหมือนแอมโมเนีย วิธีทำคือนำฉลามตัดหัวออก จุดหลุมตื้นๆ ไว้ฝังซากฉลามไร้หัว กลบด้วนทราย หรือกรวด จากนั้นนำหินหนักทับด้านบนหลุม เพื่อให้น้ำหนักหินบีบของเหลวต่างๆ ออกจากซากปลาฉลามจากนั้นก็รอเป็นระยะเวลา 6-12 สัปดาห์ หมักได้ทีขุดขึ้นมา แบ่งเป็นชิ้น ผึ่งลมไว้ที่ร่ม รอออก 2-3 สัปดาห์เพื่อรอให้เนื้อฉลามจะเกิดเป็นคราบสีน้ำตาลหุ้มจนทั่ว เพราะฉลามเน่าได้ที่แล้ว  เวลาจะทานก็จะนำไปเสิร์ฟพร้อมกับเนื้อสัตว์ ขามปัง เนย และ เนื้อของฉลามกรีนแลนด์ถือว่าเป็นอาหารที่อันตรายมาก เพราะมีพิษจาก กรดยูริค (Uric acid) และ trimethylamine oxide (รสชาติคงจะนัวและกลิ่นแรงแน่นอน ปลาร้าเราชิดซ้าย)
 
9.Kiviak
  
               Kiviak  เป็นอาหารน่ากลัว แต่เก่าแก่จากประเทศไอซ์แลนด์ หากนิยามง่ายๆ ก็คือแมวน้ำยัดไส้นกเน่า วิธีการทำเมนู เริ่มจาก ฆ่าแมวน้ำหนึ่งตัว ควักเครื่องในออกให้หมดเหลือแต่ท้องเปล่าๆ เสร็จแล้ว นำนกอั๊ค ( Auks) ที่ฆ่าเรียบร้อยแล้วยัดเข้าไปในท้องแมวน้ำ (นกอั๊ค เป็นนกชนิดหนึ่งที่รูปร่างคล้ายๆ กับเพนกวินแต่มีขนาดเล็กกว่ามาก) ไม่ต้องชำแหละหรือเอาขนของนกออก ยัดเข้าไปทั้งตัวเลย เสร็จแล้วก็เย็บปิดท้องแมวน้ำ แล้วนำไปฝังอยู่ใต้ดินนานสามปี เมื่อนกในท้องแมวน้ำเน่าเปื่อยได้ที่แล้ว ก็นำมากินได้ แน่นอนว่าเป็นอาหารที่น่าขยะแขยงอันตรายเป็นอย่างมากเพราะว่าเต็มไปด้วยเชื้อโรคมากมาย (การหมักได้ที่มาก นกเน่าในท้องแมวน้ำ เมนูนี้ใครคิด)
http://www.youtube.com/watch?v=3OPRJL9UFuA
 
 
8.African Poison Bullfrog
             อึ่งอ่างยักษ์แอฟริกัน จัดว่าเป็นอาหารอันโอชะในนามิเบีย หรือประเทศอื่นๆ แอฟริกา ที่คุณสามารถพบเห็นทั่วไป ในหม้อต้ม แต่อย่างที่หลายคนรู้กันว่าเนื้อพวกกบและอึ่งอ่างมีสารพิษที่รู้จักกันในชื่อ Oshiketakata ซึ่งอยู่ตามปุ่มพิษ ผิวหนัง และอวัยวะต่างๆ อาจเป็นอันตรายเมื่อทานเข้าไป เพราะจะทำให้ไตล้มเหลว, อันตรายต่อกล้ามเนื้อและ ทำให้ตายได้ (น่าตาน่ารักกินลงเร๊อะ)
 
 
7.Stewed Asian Bat
มีอาหารหลายชนิดที่หลายคนไม่กล้ากิน ยิ่งรูปร่างน่าไม่ชวนรับประทานยิ่งแล้วใหญ่ แน่อนว่าซุปค้างคาว ถือว่าเป็นอาหารหนึ่งที่หลายคนปฏิเสธแน่นอนแต่ในประเทศเอเชียหลายประเทศนั้น ซุปค้างคาวถือว่าเป็นอาหารที่พบเห็นทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ไทยก็มี) และจีน เป็นต้น ซึ่งแต่ละประเทศมีวิธีปรุงแตกต่างกัน แต่หลักๆ แล้วไม่แตกต่างจากซุปไก่มากนัก นั้นคือเอาค้างคาวที่ถูกชำแหละด้วยมีดทั้งตัว ชนิดมีเยื่อหุ้มปีกค้างคาวติดมาด้วยแล้วนำมาต้มน้ำซุปกิน อาจมีอวัยวะภายในใส่ลงไปแน่นอนว่าค้างคาวเป็นสัตว์ที่มีโรคติดต่อสู่มนุษย์มากมาย อีกทั้งค้างคาวบางชนิดนั้นหายาก สมควรอนุรักษ์ไม่ใช่นำมากิน (แค่เห็นค้างคาวยิ้มแฉ่งให้ ก็ไม่กล้ากินแล้วจ้า)
 
6.Star Fruit (Carambola)
แตกต่างจากอันดับอื่นๆ ตรงที่ไม่ได้เป็นอาหารที่ใช้มือทำ แต่เป็นผลไม้เขตร้องที่มีรูปร่างแปลกและสวยงาม มะเฟืองเป็นไม้ต้นพื้นเมืองของอินโดนีเซีย อินเดีย และศรีลังกา และเป็นที่นิยมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไทย มาเลเซีย และบางประเทศ มะเฟืองนิยมนำผลมาทานสดๆ โดยเมื่อหั่นแนวขางจะได้รูปดาวห้าแฉก (ทำให้ฝรั่งเรียกว่าStar Fruit) รสชาติทั้งหวานและเปรี้ยวแล้วแต่สายพันธื แน่นอนว่ามะเฟืองมีคุณค่าทางโภชนาการ แต่ในขณะเดียวกันมันก็มีพิษ หากกินมากๆ อาจเป็นอันตรายต่อไต เนื่องจากมะเฟืองมีสารทำให้เกิดแคลเซียมออกซาเลทตกตะกอนในเนื้อไตและท่อไต ไตขับของเสียไม่ได้ก็จะวายทำให้เป็นพิษต่อระบบไต อาจเกิดภาวะไตวายเสียชีวิตได้
 
5.Cordyceps
เห็ดถั่งเฉ้า (Cordyceps)เห็ดหน้าตาประหลาดที่ชาวตะวันตกเรียกขานว่า‘เห็ดตัวหนอน’หรือCaterpillar Fungusเพราะวงจรชีวิตนั้นมักอยู่บนตัวอ่อนหนอนผีเสื้อ ซึ่งใช้เวลายาวนานกว่าจะโต หรือด้วง จัดเป็นเห็ดหายากชนิดหนึ่งเนื่องจากพบได้เฉพาะตามแถบภูเขาสูงในเอเชีย เช่น ทิเบต หรือเทือกเขาหิมาลัยสูง 16, 000 ฟุต (ปัจจุบันมีการเพาะได้ในระดับหนึ่ง) ประเทศจีนถือว่าเป็นยาสมุนไพร์ชั้นสูง ที่รักษาความอ่อนล้าหรือแม้แต่มะเร็ง เมื่อครั้งอดีตมักใช้เป็นยาสมุนไพรสำหรับชนชั้นสูง เพื่อเป็นยาโป๊ว บำรุงกำลัง บำรุงปอด ไต หัวใจ และระบบภูมิคุ้มกัน ปัจจุบันนักวิชาการพบว่าเห็ดถั่งเฉ้านี้มีสารประกอบที่ดีต่อระบบทางเดินหายใจ ช่วยให้ปอดนำออกซิเจนไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยกระตุ้นการผลิตฮอร์โมน ทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานดีอยู่เสมอนั่นเอง ส่วนด้านอันตรายนั้นอาจไม่มีอะไรมากมาย เพียงแค่อย่าใช้กับหญิงมีครรภ์ หญิงให้นมบุตร และในเด็ก อีกทั้งห้ามใช้กับคนแพ้เห็ดเพราะอาจทำให้เกิดหลอดอักเสบเรื้อรังได้
 
4.Gastropod Eggs
หลายคนคงรู้ว่าชาวฝรั่งเศสชอบทานหอยทาก ถึงขั้นเรียกเป็นฟาร์มอย่างจริงๆ จัง ซึ่งนอกเหนือจากหอยทากแล้ว พวกเขายังชอบ ไข่หอยทาก ซึ่งราคาแพงมาก จึงถูกขนานนามว่า “ไข่หอยทากคาร์เวียร์” ซึ่งทั้งหอยทากและไข่ของมันล้วนเป็นอาหารขึ้นชื่อในฝรั่งเศสที่มีเสิร์ฟในร้านอาหารหรูเท่านั้น (นอกจากนี้ยังมีการนำไข่หอยทากบรรจุกระป๋อง ราคากระป๋องประมาณ 2000 บาทอีกด้วย)ซึ่งรูปร่างของไข่หอยทากเหมือนไข่ปลาคาร์เวีร์สไม่มีผิด (เวลาจะทานก็นำมาแต่งหน้าอาหารหรือไม่กินทานกับลัด) และนอกจากราคาแพงแล้วยังหายากอีกด้งย เพราะว่าในรอบ 1 ปีหอยทากแต่ละตัวออกไข่เพียงแค่ 4 กรัม หรือประมาณ 100 ฟองเท่านั้น อีกทั้งการทำความสะอาด การบรรจุ การปรุงรสต้องมีพิถีพิถันเป็นอันมาก (นอกจากจะมีครีมหอยทากแล้ว ไข่หอยทากยังจะกินกันอีกหรอ)
อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นอาหารหรู แต่ระดับอันตรายนั้นก็ไม่แพ้กันเพราะไข่หอยทากนั้นไม่ได้ปรุงสุกแต่อย่างใด หากทานอาจเสี่ยงต่อการเป็นเชื้อปรสิตในสมองได้
 
3.Serpent Burger
ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอเมริกา มีเมนูพิสดารที่เรียกว่าสเต็กงูหางกระดิ่งที่ขึ้นชื่อ แน่นอนว่าเรื่องเหล่านี้หลายคนรู้แล้ว หากแต่ที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีอาหารที่ทำจากงูพิสดารกว่านั้น ในถัตตาคารจีนในเมืองยอกยาการ์ตา ของอินโดนีเซียได้คิดค้นเมนู “แฮมเบอร์เกอร์งูเห่า” โดยนำงูเห่ามาลอกหนังงูออก ตัดหัว แล้วหั่นเป็นชิ้นๆ นำเนื้อและเครื่องในมาปรุงเป็นหาอาหาร ซึ่งผู้บริโภคงูเห่าเชื่อว่าการทานงูเห่าทำให้หายจากโรคผิวหนัง โรคหอบหืด อีกทั้งยังมีฤทธิ์ช่วยเพิ่มพลังความต้องการทางเพศ แต่อย่างไรก็ตามอาหารที่ว่าอาจมีอันตราย เพราะยังมีพิษหลงเหลืออยู่ในงูระหว่างปรุงอาหาร ซึ่งหากไม่ระมัดระวังอาจตายได้ (สู้งูสิงห์บ้านแอดก็ไม่ได้)
 
 
2.Inside Job
หลายวัฒนธรรมของประเทศทั่วโลก ล้วนมีอาหารที่ทำจากอวัยวะภายในของสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นกระเพาะ, เครื่องใน, ไปจนถึงลูกอัณฑะของสัตว์อะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอัณฑะวัว, อัณฑะแกะ, เครื่องในวัว, เครื่องในหมู เหล่านี้ล้วนเป็นที่นิยมของหลายประเทศ ซึ่งแต่ละประเทศมีวิธีการนำอวัยวะของสัตว์เหล่านี้ไปทำอาหารแตกต่างกัน เป็นต้นว่า ที่มองโกลมีการเอาอัณฑะม้าทำเป็นซุป ที่จีนมีอัณฑะกวาง ในเอเชียนิสัยนำไส้หมูมาเป็นอาหารประเภทต้มกินนิยมทานในร้านอาหารข้างถนนและหลายคนเชื่อว่าอาหารเหล่านี้มีสรรพคุณต่อร่างกาย อย่างไรก็ตามอาหารเหล่านี้มีความเสี่ยงหากกระบวนการทำความสะอาดและการทำไม่ได้อาจติดเชื้อและพยาธิร้ายแรง
 
1.Crow Pie
ชาวลิทัวเนียชอบกินกา เพราะเชื่อว่าเป็นช่วยเพิ่มพลังทางเพศ พายอีกาถือว่าเป็นอาหารนกแบบดั้งเดิมที่ได้จากเนื้อของกาCarrion Crows(กาดำขนาดใหญ่พอสมควรพบมาในยุโรป) วิธีทำคือเรียกกาที่อายุยังหนุ่มสาว มาปรุงสุกด้วยความร้อนสูงในน้ำมันก่อนเสิร์ฟบนจานผักย่าง ส่วนใหย่แล้วกาเป็นส่วนประกอบอาหารแบบดั่งเดิมของลิทัวเนีย หากแต่การบริโภคกาเริ่มลดลงในระหว่างการยึดครองของสหภาพโซเวียต และเมื่อประเทศกลับมาสู่ความสงบกาก็ได้รับความนิยมอีกครั้ง แน่นอนว่ากาส่วนใหญ่เป็นสัตว์สกปรกที่ชอบพวกซากสัตว์และขยะถือว่าเป็นสัตว์ที่มีเชื้อโรคสูงมาก ซึ่งวิธีการกินที่ปลอดภัยก็คือการต้มกาให้สุกในน้ำเดือดอุณหภูมิสูง 190 องศาเซลเซียส เพื่อให้แบคทีเรียตายหมด (พายอิกา น่าทานจิงๆ อิอิ)
 
 
 
Go to top