แพทย์แผนไทย โคราช รักษาโรค SLE ไขความลับวิธีรักษาโรคแพ้ภูมิตัวเองหรือโรคพุ่มพวง ( SLE)
รถตู้ให้เช่า ร้อยเอ็ด
หมอเอ ณัฐปราชญ์ คลินิก

หลายคนที่กำลังวางแผนทำตาสองชั้นอาจกำลังลังเลว่าควรเลือกเทคนิคไหนดีถึงจะเหมาะกับตัวเองที่สุด บางคนอยากให้ชั้นตาชัด ดูหวานขึ้น บางคนอยากเน้นธรรมชาติ หรือบางคนแค่ต้องการแก้ไขหนังตาตกให้ไม่ดูเหนื่อยล้า การเข้าใจความแตกต่างของแต่ละเทคนิคจึงไม่ใช่เรื่องของความรู้เชิงศัลยกรรมเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของ “การเลือกให้ตรงกับปัญหาเฉพาะของตาแต่ละคู่” ด้วย

บทความนี้จะพาไปสำรวจเทคนิคทำตาสองชั้นที่ได้รับความนิยมสูงในคลินิกความงาม พร้อมเปรียบเทียบข้อดี-ข้อควรพิจารณาของแต่ละแบบ รวมถึงแนะนำว่าแบบไหนเหมาะกับลักษณะดวงตาแบบใดบ้าง

 

1. เย็บจุด (เย็บ 3 จุด หรือเทคนิคธรรมชาติ)

เทคนิคเย็บจุดเป็นวิธีทำตาสองชั้นที่ไม่ต้องมีการกรีดหนังตา แพทย์จะใช้วิธีเจาะจุดเล็ก ๆ 2–3 จุดแล้วเย็บเนื้อบริเวณหนังตาให้เกิดชั้น โดยไม่มีการเอาไขมันหรือผิวหนังส่วนเกินออก เหมาะกับคนที่มีหนังตาบาง ไม่มีไขมันมาก และยังไม่เคยทำตามาก่อน

ข้อดี:

  • แผลเล็ก พักฟื้นไว มักหายภายใน 3–5 วัน
  • ไม่ต้องใช้ยาสลบ
  • ชั้นตาดูธรรมชาติ

ข้อควรพิจารณา:

  • ชั้นตาอาจหลุดในอนาคต โดยเฉพาะผู้ที่มีไขมันเปลือกตาเยอะ
  • ไม่เหมาะกับผู้ที่หนังตาหนา ตาหลบใน หรือมีไขมันสะสม

2. กรีดสั้น (Mini Incision)

เทคนิคนี้เป็นจุดกึ่งกลางระหว่างเย็บจุดกับกรีดยาว โดยแพทย์จะกรีดหนังตายาวประมาณ 1–2 เซนติเมตรเพื่อตัดไขมันและหนังส่วนเกินออกเล็กน้อย พร้อมเย็บชั้นตาให้ติดแน่นขึ้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการความธรรมชาติ แต่มีปัญหาไขมันหรือหนังตาเล็กน้อย

ข้อดี:

  • ได้ชั้นตาที่ดูคมชัดกว่าการเย็บจุด
  • ลดความเสี่ยงชั้นตาหลุด
  • แผลเล็ก พักฟื้นประมาณ 7 วัน

ข้อควรพิจารณา:

  • อาจมีรอยแผลเล็กบริเวณเปลือกตา (แต่จางลงได้ภายในไม่กี่เดือน)
  • ไม่เหมาะกับผู้ที่หนังตาหนาและหย่อนมาก

3. กรีดยาว (Full Incision)

เป็นเทคนิคทำตาสองชั้นที่คลาสสิกและยังใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน โดยแพทย์จะกรีดหนังตาตามแนวชั้นตาที่ต้องการ จากหัวตาไปหางตา เพื่อเปิดโอกาสให้สามารถเอาไขมัน หนังส่วนเกิน หรือเย็บกล้ามเนื้อตาได้อย่างละเอียด เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาตาหลบใน หนังตาตก หรือผู้สูงอายุที่ต้องการยกกระชับเปลือกตาร่วมด้วย

ข้อดี:

  • ให้ผลลัพธ์แม่นยำ อยู่ได้นาน
  • แก้ไขโครงสร้างตาได้ลึกและตรงจุด
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการชั้นตาชัดเจน

ข้อควรพิจารณา:

  • พักฟื้นนานกว่าแบบอื่น (7–14 วัน)
  • อาจมีอาการบวมช้ำมากในช่วงแรก
  • ต้องทำโดยแพทย์ที่เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้ชั้นตาสวยสมดุล

เทคนิคเสริม: ทำตาสองชั้นสไตล์เกาหลี หรือเทคนิคไร้รอยแผล

ในช่วงหลังมานี้ เทรนด์ทำตาสองชั้นแบบ “เกาหลี” เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเน้นชั้นตาที่ดูซอฟต์ ไม่แข็ง ปรับกับโครงหน้าให้หวานขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ บางคลินิกยังมีเทคนิคไร้รอยแผล ซึ่งใช้กล้องขยายและไหมละลายเฉพาะทางในการเย็บภายใน ทำให้มองไม่เห็นแผลจากภายนอกเลย

Go to top