แพทย์แผนไทย โคราช รักษาโรค SLE ไขความลับวิธีรักษาโรคแพ้ภูมิตัวเองหรือโรคพุ่มพวง ( SLE)
รถตู้ให้เช่า ร้อยเอ็ด
หมอเอ ณัฐปราชญ์ คลินิก

korat_entertain

 

ลืม กันไปหรือยังครับ กับสังคมออนไลน์ที่รุ่งเรืองสุดๆ ก่อนที่ Facebook จะแย่งจำแหน่งหมายเลขหนึ่งไปครองจนทำให้สังคมออนไลน์แห่งนี้ต้องลับหายไปใน ความมืด หลังจากที่ไปซุ่มพัฒนากันสักพักใหญ่ๆ วันนี้ Myspace กลับมาอีกครั้ง คราวนี้มีซุปเปอร์สตาร์อย่าง Justin Timberlake มากุมบังเหียนเสียด้วย

 

Myspace เป็นสังคมออนไลน์ที่เคยดังมากที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2003 ก่อนที่จะถูกสื่อยักษ์ใหญ่อย่าง News Corp ซื้อไปในปี 2005 ในราคาถึง 580 ล้านเหรียญ หรือเกือบ 18,000 ล้านบาท ซึ่งระหว่างยุคที่ Myspace รุ่งเรืองที่สุดในปี 2005 – 2008 นั้น สังคมออนไลน์แห่งนี้ถือว่าเป็นเว็บสังคมออนไลน์ที่มีคนเข้าใช้งานมากที่สุด ในโลกเลยทีเดียว แต่แล้วเมื่อ Facebook ถือกำเนิตขึ้นและเติบโตอย่างรวดเร็ว Myspace ก็ถูกโค่นลงอย่างรวดเร็วในปี 2009

จุด เด่นของ Myspace ในยุคแรกนั้นคือการเป็นศูนย์กลางของดนตรีและวัฒนธรรมป๊อป รวมถึงเป็นแพลตฟอร์มเกมที่ให้กำเนิดบริษัทเกมยักษ์ใหญ่อย่าง Zynga และ Rock You ด้วย ซึ่งในปี 2009 Myspace มีพนักงานราว 1,600 คน ก่อนที่จะทยอยปลดพนักงานจนเหลือเพียง 200 คนในปี 2011 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ซุปเปอร์สตาร์นักร้องและนักแสดงอย่าง Justin Timberlake จะจับมือกับ Specific Media Group เข้ามาช้อนซื้อบริษัทไปด้วยมูลค่าเพียง 35 ล้านเหรียญ หรือราว 1,000 ล้านบาทเท่านั้น

myspace

 

การ กลับมาของ Myspace ในวันนี้ หากใครลองเข้าไปดูจะพบว่ามันมีความเป็น Justin Timberlake ค่อนข้างชัดมาก ด้วยความที่ซุปเปอร์สตาร์รายนี้ได้ใช้พลังของตัวเองในการช่วยผลักดันการกลับ มาเกิดอีกครั้งอย่างเต็มตัว ผู้ที่เข้าไปใช้งานใน Myspace เวอร์ชั่นใหม่นี้จะสามารถฟังเพลงใหม่ของ Justin ที่ร่วมร้องกับ Jay Z ได้อย่างเต็มอรรถรส

จุด ยืนใหม่ของ Myspace ไม่ได้หนีภาพของดนตรีไปมากนัก ในทางตรงกันข้าม Myspace ภายใต้ร่มเงาของ Justin Timberlake ถือว่ามีความชัดเจนอย่างมากในการเป็นสังคมออนไลน์สำหรับผู้ที่หลงไหลในดนตรี และศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพ ภาพยนตร์ หรือแม้แต่งานประพันธ์ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถที่จะเข้ามาสร้าง Playlist, ฟังเพลง รวมถึงแบ่งปันความสนใจที่เกี่ยวกับดนตรีได้อย่างอิสระ

ใน เดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา COO ของบริษัทนาม Chris Vanderhook ได้ประกาศจุดยืนว่าจะไม่แข่งขันกับ Facebook แต่จะพยายามตอบโจทย์ในจุดที่ยังมีช่องว่างในตลาดที่จะแข่งขันกับบริการที่ คล้ายกันอย่าง  Spotify และ Pandora แทน ซึ่งบริษัทเชื่อว่ายังมีโอกาสอยู่อีกสูงมากที่จะยังรอให้มีบริการใหม่ๆ เข้าไปแข่งขันได้

ความเห็นผู้แปล: ผมได้มีโอกาสลองเข้าไปเล่นแบบผิวเผินแล้ว พบว่า Myspace เจาะไปที่กลุ่มคนรักดนตรีอย่างชัดเจนจริงๆ ฟังก์ชั่นการใช้งานมีน้อยมากเมื่อเทียบกับ Facebook และเผินๆ จะคล้ายกับ Pinterest ผสมกับ Twitter อยู่ในหลายๆ มุม ซึ่งการออกแบบหน้าตานั้น จะเห็นว่ามีแถบสำหรับส่งเสริมให้ฟังเพลงได้อย่างง่ายดายที่สุด นอกจากนั้น ลักษณะของการเลื่อนหน้ายังคล้ายกับ Windows 8 อีกด้วย

ใน มุมของธุรกิจเองนั้น ผมว่าวิวัฒนาการของ Myspace เป็นรูปแบบที่เป็นไปตามธรรมชาติมากๆ นึกเปรียบเทียบกับห้างสรรพสินค้า เราจะเห็นว่าสมัยก่อนหรือในตลาดที่ยังใหม่ ห้างใดๆ ก็ตามจะพยายามทำให้ตัวเองมีสินค้าครบทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ ซึ่งก็เหมือนกับสังคมออนไลน์ที่พยายามจะใส่ฟีเจอร์การใช้งานให้มากที่สุด จนเมื่อการแข่งขันดุเดือดเกินไป ผู้ที่อ่อนแอกว่าจะถูกบังคับให้ออกจากการแข่งขันและต้องปรับตัวให้มี ความ”เฉพาะทาง”มากขึ้น จากห้างใหญ่ก็จะกลายเป็นห้างที่เน้นขายสินค้าหายากหรือสินค้าเฉพาะทางไป สังคมออนไลน์ก็ไม่ต่างกัน เราจะเห็นว่าจะมีสังคมออนไลน์เฉพาะทางเกิดขึ้นมา เช่น Myspace สำหรับดนตรี Linkedin สำหรับสายอาชีพ ซึ่งผมเชื่อว่าเราจะยังเห็นสังคมออนไลน์เฉพาะทางเกิดใหม่ตามมาอีกในอนาคตอัน ใกล้นี้

korat_computer

สิ่งสำคัญก็คือ

  1. กลุ่มลูกค้าจะใหญ่เพียงพอที่จะทำให้ธุรกิจอยู่ได้หรือไม่
  2. ฟังก์ชั่นการใช้งาน, การตลาด รวมถึงนวัตกรรมใหม่ๆ จะมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อดึงให้คนเข้ามาใช้อย่างสม่ำเสมอและเพิ่มขึ้นได้หรือไม่
  3. รูปแบบการสร้างรายได้จะแข็งแรงพอที่จะดึงเม็ดเงินเข้ามาเลี้ยงธุรกิจได้หรือไม่
  4. องค์กรจะปรับตัวได้เร็ว เพื่อรับการแข่งขันและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไวราวสายฟ้าได้ทันหรือไม่

ถ้าผู้บริหารใหม่สามารถตอบโจทย์ใหญ่ๆ เหล่านี้ได้ ผมว่า Myspace ก็ยังจะไปได้อีกไกลครับ

เครดติด thumbsup

ที่มา:http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=me-dcreation&date=17-01-2013&group=1&gblog=5

 

Go to top