“นะโม อามิตาพุทธ"
บทที่ 7 โดย : ไอ้หัวเป็ด โคราช
เรื่องของเรื่อง ที่มันเป็นเรื่อง ก็แค่รองเท้าฟองน้า คู่เดียวแท้ๆ ขันติๆ ขันติ ทนอด เอ้ย...อดทนไว้ก่อนหลวงพี่ พระสงฆ์ไทย เมื่อบวชเข้ามาสู่ใต้ร่มกาสาวพัสตร์แล้ว สิ่งที่พระใหม่จะได้รับ เป็นของใช้เบ็ดเตล็ดที่สำคัญมากๆ ที่วัดป่านิยมถวายกัน นั้นก็คือ “เกอบฟองน้า หรือรองเท้าฟองน้า) ทุกรูปต้องได้รับแจก สีต้องเหลืองเท่านั้น ซึ่งหน้าตาของมันก็เหมือนกันยังกับแฝดแท้ ต่างกันแค่ขนาดของรูปเท้าของแต่ละท่าน หากดูรวมๆ แล้ว มันก็เหมือนกัน นี้ละครับที่มันเป็นเรื่อง และเป็นเรื่องใหญ่ ที่ไม่น่าเป็นไปได้ พระนี่น่า ก็ปุธุชนอยู่ยังไม่ได้ไปไหน พึ่งไถหัวมาได้สอง สามวันเอง “เฮ้อ”มันเป็นอย่างนี้โยม ตอนขึ้นศาลาก็ขี่กันมานั้นและ พระก็มาก แต่พอจอดก็เป็นระเบียบดี พออีตอนกลับลงมา ทีนี้ละมันส์ คู่นี้เขาก็ลงมาพร้อมกัน ไม่รู้ว่าเขม่นกันมาหรือเปล่า บังเอิญดันจอดรองเท้าไว้ใกล้กัน ขนาดถ้าเปรียบเป็นคู่มวยก็สูสี รูปหนึ่งรองเท้าที่จอดไว้ดันหาย แต่ไปเห็นรูปที่ลงมาพร้อมกันใส่เดินอาจๆ ไป ดันทึกทักว่าเป็นของตน เลยเข้ามาขอดู รูปที่ใส่อยู่ก็บอกนี่ของฉัน ฉันจำได้ มีตำนิอะไรไหมท่าน อีกรูปถาม ต่างคนก็เพิ่งได้ของใหม่มา ก็เลยไม่ได้คิดทำสัญญาลักษ์ไว้ เถียงกันไปได้ซักพัก เลยกลายเป็นวางมวยกันไปได้ ดูซินั้น รูปหนึ่งหัวแตก รูปหนึ่งตาเขียว แถมยังท้าให้สืบประวัติตน ก่อนที่จะมาบวช ไม่มีใครยอมใคร เรื่องเลยถึงผู้ใหญ่บ้าน ลุกลามไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ วุ่นวายกันทั้งวัด ที่ได้เล่านี้ก็เพราะ สังการีวัด (เด็กวัด) นำความมาบอกต่อ ฟังแล้วก็ให้ปลงดีเหมือนกัน นี้และหนาได้ชื่อว่า ตัวกู ของกู ไม่ใช่แต่เราท่านที่เป็น สติ ขันติ อดทนๆ กันหน่อยนะ สังคมทุกวันนี้มันร้อน (ปะติคะ เกิด โทสะ เลยเป็น พยาบาท) ปัญหาทุกเรื่อง เริ่มจากความไม่พอใจ (ปะติคะ)
เรื่องไม่เป็นเรื่อง ทำเอาเป็นเรื่องจนได้ ให้ความสำคัญเกินไป นี้ไม่ใช่ “ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ” เด้อ...เอาของผมไปก่อนไหมหลวงพี่