อนึ่งเมื่อเริ่มความรัก “น้าต้มผัก” ยังว่าหวาน ยิ่งนานวัน รักนั้นให้จืดจาง เพิ่มคำนาม ”ฉายา” รัก ให้ต่อกัน (nickname)
บทที่ 15 บทเรียนรัก โดย : ไอ้หัวเป็ด โคราช
ความรักของหนุ่ม สาว สมัยนี้ ดูไปแล้วก็คล้าย “เนื้อแดดเดียว” เช้าตาก เย็นแห้ง พร้อมรับประทาน เหนียว หรือ นุ่ม ขึ้นอยู่กับวิธีการหมัก เทคนิคสำคัญ ที่จะทำให้เนื้อนุ่ม และปัจจัยสำคัญก็คือ การทำให้เนื้อได้รับแสงแดดอย่างเหมาะสม เพียงพอต่อ”เซลล์” ทุกๆ อณูเซลล์ ของเนื้อที่หมัก เครื่องหมักที่มีคุณภาพ คลุกเคล้าให้ทั่วจนกว่าเครื่องปรุงจะซึมซับ เป็นหนึ่งเดียวกับชิ้นเนื้อ “ความรักก็เช่นกัน” หากไม่ใส่ใจ ลง รายละเอียดปีกย่อย บ้างในบางครั้ง บ่อยๆ ก็อาจจะเกิดปัญหาได้ (เอาพองามก็แล้วกัน) ให้ความสำคัญในเหตุ และผลของกัน และกัน เปิดใจ ไม่ปิดบังซ้อนเร้น เมื่อถึงตอนนั้น แสงอาทิตย์ อันอบอุ่นในหัวใจ ก็จะส่องลงมาถึงส่วนลึก ของความต้องการภายใน ของกันและกัน เหมือนเนื้อแดดเดียว ที่ (อ.ย) องค์การอาหารและยา รับประกันคุณภาพ “ผม” ต้องรวบรวมความกล้าอย่างมาก เพื่อจะถ่ายทอดงานชิ้นนี้ ออกมา ไม่ใช่เรื่องถนัดของผมซะด้วย แต่อยากแชร์ ประสบการณ์ ว่าครั้งหนึ่งเคยได้ยินมา ไม่ได้โดนกลับตัวหลอกครับ (กลัวจะผิดพลาด เพราะไม่รู้จริง) ผมเองก็เป็นอีกหลายๆ คน ที่ไม่ค่อยจะเข้าใจเรื่องนี้ ความเป็นจริงดูซับซ้อน กว่า “นิยายรัก” ผมเองก็ไม่ใช่ “กูรู” เรื่องความรัก หลอกครับ (ออกจะ ทุยๆ ด้วยซ้ำ) แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ ในเมื่อคนสองคนอยู่ด้วยกัน มันต้องมีเหตุ ปัจจัย มีแรงดึงดูดอะไร ที่ทำให้ต้องมาอาศัยอยู่ด้วยกัน มาผึ่งพา เป็นระยะเวลานานๆ บ้าง ระยะสั้นๆ แบบรวดเร็ว ด้วยคำจำกัดความ ด้วยคำนิยาม ไว้ว่า “รัก” จริงหรือเปล่า แรกๆ ของคนรักกัน คำสนทนา ใช้เรียกแทนตัว ของหนุ่ม สาว ได้ยินเรียกกัน “เธอ ฉัน ตัวเอง ที่รัก” ก็ฟังแล้วน่ารักดี แต่หลังจากนั้นไม่นาน “เขา เธอ ฉัน ตัวเอง” มันหายวะ มันกลายเป็น “อีเหี่ยว” ไปได้ ชัดๆ ครับ เต็มสองหูเลย ดูเหมือนฝ่ายชาย จงใจจะประกาศให้ทั้งโลกได้รู้ (ก็เล่นตะโกนเสียงดังขนาดนั้น) มันคงอึดอัดมานาน ไม่สมใจใน “ฺBody Shape” ของเด็กตัวเอง จึงเก็บไม่ไหว สะกดไม่อยู่ ระเบิดออกมาซะขนาดนั้น เป็นเรื่องฮาๆ ไม่มีเหตุผลเสียเลย ยิ่งหาสาเหตุ ก็ยิ่งงง ได้แต่แกล้งขำๆ ไปอย่างนั้น (ไม่รู้เหมือนกันว่า ฝ่ายหญิงมันเหี่ยวตรงไหน) ถึงได้สร้างความไม่พอใจให้อีกฝ่าย นี้...มันคงตั้งใจให้เรารู้ หรือเปล่า จะได้กัน ชายอื่นไม่ให้มาวุ่นวายกับเด็กของมัน จึงได้ออกตัวแรงขนาดนี้ “อี เหี่ยว” ก็หน้าส่งสาร หน้าแดงกล่ำ แบบเด็กผู้หญิงวัยรุ่นเขิน (อายม้วนต้วน) เดินตัวปลิว ส่ายตูดอาจๆ กลับเข้าบ้านอย่างไว เพียงคำเดียวสั่นๆ แต่แฝงด้วยพลัง “ให้ว่อง อีเหี่ยว” ก็เล่นตะโกนต่อหน้าคนตั้งมากมาย เรื่องของเรื่อง บ้านที่อาศัยนี้ เป็นห้องแถวติดกัน ครึ่งปูน ครึ่งไม้ ฝากั้นระหว่างห้องก็บางๆ พูดทีได้ยินกันทุกห้องละครับ นั้นคือครั้งหนึ่งที่ได้ออกไปเผชิญโชค ผจญภัย เปิดร้านทำป้ายด้วยตัวเอง (ไม่รอด) และตั้งแต่นั้นมา ผมก็ได้ยิน (น้องร้านซัก อบ รีด) ห้องหัวมุมสุด เรียกเด็กสาวนั้นว่า “อีเหี่ยว” เหมือนกัน คงฟังดูสนิทสนม เป็นกันเองระหว่างผู้หญิง กับผู้หญิงด้วยกันละมั่ง สำหรับผมแล้ว ไม่กล้าเรียกหรอกครับ กลัวเด็กมันอาย (ก็เราไม่รู้ว่ามันเหี่ยวจริงหรือเปล่า) หลังจากนั้นไม่กี่เดือน คู่นี้ก็เลิกรากันไป ไม่รู้สาเหตุ มันก็เรื่องของเขา เราอย่า...เผือก จะดีกว่า โลกจะได้สงบซะที