บทที่ 34 ทำไมละ ก็แค้อยากเขียน ก็เขียนไป โดย : ไอ้หัวเป็ด โคราช
“ประสบการณ์สั่งสม” อะไร หรือสิ่งใด อุบัติขึ้นเป็นเชื้อฉุดรั้ง ให้คนเกาะติดอยู่กับที่ (ความกลัวไม่สมหวัง) ผิดหวังมันร่ำไป “เรา” ผู้แบกของหนัก ขนสัมภาระบรรทุกไกลในคุณค่าของความเป็นคน แบกหนักขันธ์ทั้ง 5 ตีแผ่ความบ้าของตน “อัตถะวิชา” (ความรู้ที่ว่าด้วยตัวกูเรื่องของกู) มาทั้งชีวิต ได้แต่เฝ้ากอดเก็บความไม่เสถียรของตัวเองมานาน รอคอยจังหวะและโอกาส คล้ายดั่ง “เขียดตะปาด” นั่งนิ่งสงบ ตั้งตารอแมลงโชคร้ายบินผ่านมา และวันนั้นคงจะอิ่มท้องเสียที หากแต่โอกาสมาถึงช้าเกินไปจริงๆ หากวันนี้ไม่แสดงให้ใครรู้ อยู่อย่างโง่ๆ ในมุมมองของปราชญ์เมธีทั้งหลาย อ้างรู้กระจ่างศาสตร์ ด้วยรอบสุดขอบโลก หรืออาจเลยลิบๆ ไปสู่ห่วงจักรวาล ด้วยยานพาหนะอันทันสมัย ไกลเกินเจ้าทุยกินหญ้าแทนข้าว จะเขาถึงวิถีท่าน
โลกาภิวัตน์ “แป๊ก” (ความหมายของมันแค่ โลกของกา และโลกของวัด) ความเจริญบนโลก หลักการเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง (ของนักเหลือเศษ เหลือเดนศาสตร์ อวดอ่างความยิ่งใหญ่ ให้คนด้อยกว่าฟังเสมอๆ) “หลักการครับ วิชาการค่ะ” จริงๆ แล้วมันเป็นเช่นไรกัน พูดออกมาให้เจ็บใจเราเหล่า ”มหิงสา” ทั้งฝูง ยืนกันหน้าสลอน ทำเอ่อๆ ให้ดูน่าสงสาร รอความหวังกันต่อไป
“เพียงแค่ว่าเราก้าวเดินผิด” ตามลิขิตของเส้นทางชีวิตที่เลือก แม้นเพียงอยากตามใจตัวสักครั้ง อาจพังในพริบตา และโดนปิดกั้น เพียงคิดจะเริ่มสร้างทางของตัวเองบ้าง เส้นทางของความคิดนั้นก็ยังไปไม่พ้นทาง แค่ทางเดิมๆ เก่าๆ เน่าๆ หากจะก้าวต่อไป จงภูมิใจอย่างจำยอม
คนก็หายใจ สัตว์ก็หายใจ คำว่า “ทำไมๆ” เต็มไปหมด ในโลกใบนี้ รู้ชัดว่า “ทำไม” มันแทรกอยู่ในทุกอณูของความไม่เข้าใจ หากได้เกิดมาเป็นคนแล้ว มันต้องคนค้นคนกัน (อย่างรายการคนคุ้ยเขี่ยสะเกล็ดคน) หรือพวก “ย้อนเกล็ด” เจ็บ แสบ คัน เกาไม่ถูกที่คัน แต่ก็ยังมันกันได้ ทั้งคุ้ย ทั้งเขี่ยหากันอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก นั่งบ่นให้ฟังเหมือนคนบ้า นานเสียเปล่า ปล่อยไปเป็นชาติๆ จนลืม พลัดเปลี่ยนกันมา ก็ยังต้องค้นหาของเก่า ของเดิมๆ นี้ กันอย่างไม่รู้เบื่อ