ใครมีเพื่อนอย่าง นนทุก “วง” ต้องทำใจครับ
บทที่ 35 ปล่อยมันไป ไอ้หัวเป็ด โคราช
เรื่องนี้ ไม่เกี่ยวกับ มหากาพย์รามายณะ มหาภารตะ ของอินเดีย หรือ “รามเกียรติ์ ตอน(นนทุกอสุรา) ที่เป็นภาคหนึ่งของทศกัณฐ์” แต่มันเป็น เสี้ยวหนึ่งของชีวิต “นน ทุกจอกสุรา” เพื่อนสุราผมเอง “นน” เด็กใต้ หน้าคล้าย “อำพล ร็อคมือขวา” ถิ่นเดิมถือกำเนิดใต้สุดของเมืองไทย สมัยอยู่ใต้เลี้ยงนกกระทากับแม่ ช่วยทางบ้านส่งไข่นกข้ามประเทศ พอเริ่มเป็นหนุ่มปีกกล้าขาแข็ง ต่อปากต่อคำ “แม่” มีปากเสียงกับทางบ้าน ทนคำหยามเหยียดจากครอบครัวไมไหว
"เก็บเสื้อผ้าเสื่อผืน หมอนใบ" หนีขึ้นรถไฟเข้ากรุงฯ เผชิญชีวิตของความผิดหวัง กับเหล่าก๊วนเด็กใต้เพื่อนกัน ปักหลักขายเสื้อผ้ากระสอบที่จตุจักร (เป็นเรื่องที่มันเล่าให้ฟัง) พอสังเขป “นน” เป็นเพื่อนของ “เต็ง” ไอ้เต็ง มันก็เป็นเพื่อนผมอีกคนครับ พอได้กลับเข้าไปทำงานที่เดิม จากการชักชวนของเพื่อนร่วมสถาบัน นั้นละผมจึงได้ ไอ้ “นน” เป็นเพื่อนสนิทอีกคนเหตุเพราะคอเดียวกัน
เพื่อน “นน” ตัวทำลาย (แอลกอฮอล์) อาการสะเงาะ สะแงะ เหมืนคนเมาไม่สร่างบุคลิกภาพการเดิน การทรงตัวไม่มั่นคง ผอมแห้งแรงน้อย และโรคขาดความมั่นใจ คำพูดมีหลักการเสมอ (เรียกได้ว่า ไม่เก่ง แต่กวนตีน) ตั้งแต่เริ่มเข้าไปทำงาน ผมเองไม่เคยเห็นมันแสดงฝีมือให้ได้เห็นเลย ทำงานชิ้นไหนก็ไม่เคยสำเร็จด้วยตัวมันเอง และไม่มีงานชินไหนเลย ที่ไม่ได้ช่วยมันทำ นน มีตำแหน่ง visual art ดูแล้วเหมือนเขียนภาพไม่เป็น (หลักปฏิบัติพื้นฐานอ่อน) จึงดูเป็นคนจับจด ไม่รู้เหมืนกันว่าทางบริษัทเขารับมันเข้าทำงานได้ยังไง แต่ก็ช่างมันเถอะครับ (เป็นชะตาที่ต้องมาเจอกัน) ยังไงผม กับไอ้เต็งก็ต้องแบกเพื่อนคนนี้เป็นภาระเพิ่มขึ้นมา “นน” เป็นคนอัธยาศัยดี ใครเข้ามาใหม่ก็ต้องสนิทกับมัน คนมันมีวาทศิลป์ พูดโน้มใจเก่ง“คำพูดของมันยิ่งกว่าเมา”
“กูยังไม่เมา” เมาเละ หมาไม่รับ นน เป็นนักดื่มตัวจริง แบบดื่มได้ทั้งวัน กลางวันเบียร์ ตกเย็นร่ำสุราเป็นอาชีพ ชิวๆ เรื่อยๆ ไปทั้งวัน เมื่อสบโอกาส งานไม่เห็นว่ามันจะสนใจ พี่เจ้าของบริษัท เขาก็ไม่วุ่นวายจะสนใจ ไอ้คนเป็นหัวหน้าพูดอะไรไม่ได้ มันก็แปลกดีเหมือนกัน ชีวิตของมันเลยต้องอาศัยความผูกมัดกับพวกผมสองคนนี่ละครับ แต่นิสัยส่วนตัว นน มันเป็นคนรักเพื่อนครับ ถึงไหนถึงกัน ขอให้มีดื่ม “กูลุยแหลก” ถึงที่สุดแบกกูกลับด้วย ทุกครั้งทุกทีไปซิน่า คนแปลกๆ มันต้องเจอคนแปลกกว่า “เขาว่าฝนตกขี้หมูไหล คนจัญไรมาพบกัน” ไม่ผิดเลยครับ (คนโบราณ บานบุรี จริงๆ)
จนมาวันหนึ่ง หลังจากความไม่พอใจอะไรก็ลืมไปแล้ว (คงเป็นเรื่องคน และงาน) ตัวผมเองได้เป็นแกรนนำพาเพื่อนๆ ที่ทำงานด้วยกัน 4 คน ยกทีมออกภายในวันนั้น วันเดียวโดยไม่ต้องยื่นใบลาออก “เต็ง ผม นน และไอ้ได้ร์ “ (จอมฉี่แตก) คอมพิวเตอร์ขี้เมา เมาทีไร มันฉี่แตกตรงที่มันนั่งหน้าคอม จนกลิ่นตลบไปทั้งห้อง สงสัย เป็นโรคช้ำรั่ว หลังจากออกงาน นน มันก็เลยต้องมาอาศัยผมอยู่ ที่อพาร์ทเม้นท์ ดอนเมือง ช่วงนั้น เรียกว่า “เตี้ยอุ้มค่อม” เลยละครับ ไม่มีงาน แต่ก็ยังดื่มกันได้ทุกวัน มันจะเอาเงินมาจากไหน คิดผิดหรือเปล่า ก็ได้ดูแลมันพักใหญ่ ส่วนเต็งได้งานก่อนหน้านั้น โดยไปทำงานกับบริษัทเพื่อน สบายมันไป ส่วนผมไม่นานนักก็ได้ทำงานที่ใหม่ ระยะที่ นน มันอาศัยผมอยู่ มันเริ่มมีอาการเบลอๆ และแปลกๆ ไป วันต่อมา ผมกับเต็ง ลงไปซื้อของ เราเลยนั่งดื่มกันนิดหน่อยก่อนจะขึ้นไปเรียก นน มาร่วมวง พอขึ้นห้อง โอ้โหว “ไอ้นน“ (มึงเป็นอะไรวะ) มันบ้าอะไรก็ไม่รู้ มันทุบกระจกภาพเขียนผมแตก ผมนี่ปิ๊ดสุดๆ กระโดดค่อมตัวมันกะจะอัดให้สลบ ให้หายบ้าสักที เงื้อหมัดเต็มที่ พอมองหน้ามัน เห็นแววตาเศร้าๆ ทำไม่ลงจริงๆ เลยพูดว่า “นน มึงนะสู่กูไม่ได้หรอก” เราก็พูดได้แค่นั้น มันร้องไห้ แล้วไปหยิบไม้กวาด นั่งเก็บเศษกระจกอย่างเงียบๆ (ผมเข้าใจ) ในความเศร้าอย่างสำนึกในตัวเอง นั้นละครับ ครั้งนั้นครั้งเดียว แล้วมันก็หายไป เรื่องแบบนี้ ถ้าไม่ได้นึกถึง ไม่ได้เล่า ไม่จดจำ มันก็คงหายไปเหมือน ไอ้ “นน” ทุกวง บ้ายังไงก็เพื่อน (แต่คงไม่โง่มั่ง)