บทที่ 38 ลมหายใจโรยอ่อน ก่อนลา โดย : ไอ้หัวเป็ด โคราช
พุทธศักราช ๒๕๕๙ ปลายเดือนมีนา เช้าวันนี้แปลกดี มีลมหนาวคล้ายต้นฤดูพัดผ่าน อากาศเย็นสบายผ่านเข้ามา มันจะอยู่กับเราได้นานสักเวลาเท่าไร สายหน่อยคงกลับมาอารมณ์เสียเหมือนเดิม แต่ก็ยังดีที่ยังพอได้คลาย ”ร้อนอัศจรรย์” ของทุกวันที่ผ่านมา เพียงระยะเวลาสั้นๆ “อยากให้เพียงพอจริงๆ” (เก็บลมเย็นๆ เก็บไว้สักครึ่งวันก็ยังดี) อย่างน้อยเช้านี้ยังไม่ได้เปิดพัดลมเลย ขณะเวลาในตอนนี้ 8 โมงเช้าแล้วก็ตาม ความเย็นยังแทรกซึมอารมณ์ แฝงในจิตใจเรา เกิดความสงบ (เหงา เศร้าแบบแปลกๆ) ไม่ให้ความคิดฟุ้งไปกับไอความร้อน ที่รอคอยอยู่สูงเหนือขึ้นไปของชั้นบรรยากาศ คอยจังหวะขอคิวของข้าคืน (ใจกว่างให้ลมเย็นแซงคิวชั่วขณะ) เพื่อจะได้ระเบิดอารมณ์ของตนที่สั่งสมมา “ระบายทุกข์ อัดโทสะ” ใส่มนุษย์อย่างเราเหมือนเช่นเคยๆ
นับหนาวทุกครั้งของฤดู ไม่รู้ผ่านกี่หนาวแล้ว คณะที่ปล่อยเวลาทิ้ง ให้ผ่านไปวันๆ เรื่องราวมากมายมันก็ผ่านไปเช่นกัน ความประทับใจที่หน้าจดจำ สิ่งนั้นอยู่ไหนแล้วก็ไม่รู้ สิ่งดีๆ ที่เขานิยามกัน คิดเท่าไรก็คิดไม่ออก แม้ในบางเวลาอยู่เฉยๆ เรื่องเก่าๆ ที่ผ่านจนลืมไปแล้ว มันดันเกิดขึ้น “แวบๆ” คอยสะกิดใจให้เรามุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์ สิ่งที่กักเก็บไว้ในใจ จากประสบการณ์ ที่ผะอืดผะอมของชีวิต ด้วยความอยากเป็นปกติ ปล่อยให้อารมณ์ตน ออกไปแสดงอย่างอิสระ เป็นสิ่งใด เป็นอะไรตามที่ใจคิด ไม่สนข้อจำกัดของสังคม ขอเพียงเป็นสิ่งที่คิดว่าดี ให้รีบทำก่อนเวลาจะพรากโอกาสสุดท้ายไปจากเรา “ขอเถอะ” เพียงแค่อีกสักครั้ง อย่างที่พอจะเป็นได้ “ไม่มาก ไม่น้อย” เกินกว่าความสามารถที่เราคิดว่ามี “คุณค่า” เพียงเล็กๆ ในห่วงคิด ก็คงพอ
นั่งนับเวลา นานเกินงาม ลืมดูกระจก ทุกวันนี้ความคิดที่จะมองดูกระจกนานๆ เพื่อตรวจสอบสารรูปของตัวเองน้อยมาก เพราะเวลาได้นำพาความไม่จำเป็นมาสู่ เรา “ผู้มีอายุ” ความเปลี่ยนแปลงที่ต้องเจอ ทุกผู้ ทุกนาม พูดไปใช้จะหยาบคลายหากเรียกใครว่า “ผู้เฒ่า” ความเป็นจริงมันฟ้องตัวเองหากยังพอจะยอมรับ สิ่งนี้ (เวลา) มันหยิบยื่นฎีกาฟ้อง เพื่อให้เรารอคำพิพากษาของเวลา “หลักฐานของความแก่” ถึงเวลาแล้ว ปกบิดไม่มิดหรอก เวลามันทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์อยู่เสมอ คอยประณาม คอยตีแผ่ความไม่เที่ยง (เหมือนจรรยาบรรณของสื่อสารมวลชน) สิ่งที่เปลี่ยนแปลไปในธรรมชาติ ให้สาธารณชนได้รับรู้โดยทั่วกัน ถึงสภาวะ “ชรา” ที่อุบัติขึ้นเป็นปัจจุบัน
นับเวลาผ่านไปแล้วชั่วโมงครึ่ง ความกดอากาศเย็นยังคงที่ ดีอยู่ วันนี้เป็นวันดีจริงๆ ของชีวิตใหม่ที่จะมา อากาศแห่งความสบายใจ แม้มันจะเป็นปลายมีนา นั่งแปลกใจ อีกครั้งแต่คราวนี้ไม่ใช่อากาศ หากเป็นสภาพของสังขารอันร่วงโรยของตนเอง หนวดเคราขาวโพลน ผมขาวร่วงหล่น ฟันฟางก็จากไปพร้อมกับเวลาจริงๆ นั่งนับยังไงก็ไม่ทัน ใกล้เข้ามาแล้ว ส่วนที่ผ่านก็ผ่านไป เดี๋ยวก็หนาว เดี๋ยวก็ร้อน ธรรมดาๆ มันเป็นของมันเช่นนี้ จะนับไปทำไม