โรงพยาบาลวิภาวดี ประกาศยกเลิกจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 ของโมเดอร์นา พบสาเหตุมาจากถอนตัวไม่ร่วมซื้อวัคซีนทางเลือกกับสมาคมโรงพยาบาลเอกชน เพราะไม่ได้คำตอบระยะเวลาที่จะได้รับวัคซีนแน่ชัดจากผู้จำหน่าย และองค์การเภสัชฯ หวั่นลูกค้ารอไม่ได้ ถ้าได้ฉีดช้ากว่าวัคซีนรัฐจะเสียชื่อ
เมื่อวันที่ 6 พ.ค. เฟซบุ๊ก Vibhavadi Hospital ของโรงพยาบาลวิภาวดี โพสต์ข้อความระบุว่า “เรียน ท่านผู้แสดงความสนใจในการรับวัคซีน Moderna กับโรงพยาบาลวิภาวดี ตามที่โรงพยาบาลวิภาวดี ได้ให้ความสำคัญกับการนำเข้าวัคซีนทางเลือก โดยหวังให้ประชาชนสามารถเข้าถึงวัคซีนได้โดยเร็วที่สุด เพื่อช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศ และท่านได้ให้ความสนใจวัคซีนทางเลือก (Moderna) กับโรงพยาบาลวิภาวดี นั้น
โดยที่การดำเนินการจัดซื้อวัคซีน ณ สถานการณ์ปัจจุบัน ทำให้โรงพยาบาลวิภาวดีให้คำตอบที่ชัดเจนแก่ทุกท่านไม่ได้ ว่าจะได้รับวัคซีนในช่วงเวลาใด ซึ่งโรงพยาบาลถือว่าอาจเกิดความเสี่ยงแก่ท่าน และเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องแจ้งข้อเท็จจริงเรื่องนี้ต่อผู้ใช้บริการทุกท่านที่คาดหวังว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนโดยเร็วที่สุด โรงพยาบาลวิภาวดีจึงพิจารณาตัดสินใจยกเลิกการจัดซื้อวัคซีนดังกล่าว
โรงพยาบาลวิภาวดีจึงใคร่ขออภัยทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ และขอให้ท่านได้โปรดเข้าใจถึงความจริงใจและสุจริตใจของโรงพยาบาลที่มีต่อทุกท่าน ทั้งนี้ หากโรงพยาบาลวิภาวดีได้รับความชัดเจนในการที่จะทำให้ท่านได้เข้าถึงวัคซีนทางเลือก โรงพยาบาลจะขออนุญาตติดต่อท่านตามข้อมูลที่ให้ไว้ เพื่อสอบถามความต้องการต่อไป ขอขอบคุณ โรงพยาบาลวิภาวดี”
ก่อนหน้านี้ นายเฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานกรรมการกลุ่มโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ในฐานะนายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ยืนยันว่า สมาคมฯ จะสั่งซื้อวัคซีนโควิด-19 ของโมเดอร์นา (Moderna) ในนามสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ผ่านองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ที่จะเป็นผู้ที่สั่งซื้อจาก บริษัท ซิลลิคฟาร์มา จำกัด ผู้นำเข้าวัคซีนโควิด-19 เมื่อได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โดยต้นทุนวัคซีนของโมเดอร์นาที่นำเข้ามาผ่านองค์การเภสัชกรรม อยู่ที่ 37-38 ดอลลาร์สหรัฐฯ ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม
ขณะที่ราคาให้บริการของสมาชิกโรงพยาบาลเอกชนตกลงกันคิดเท่ากันทุกโรงพยาบาลไม่เกิน 2,000 บาทต่อเข็ม ประกอบด้วย ค่าวัคซีน ค่าบริการของโรงพยาบาล และค่าประกันวัคซีนโควิด-19 เพื่อคุ้มครองผู้ไดรับวัคซีนหากเกิดผลข้างเคียงขึ้น โดยค่าประกันจะเก็บเพียงครั้งเดียวในเข็มแรก ดังนั้น คาดว่าราคาค่าบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั้ง 2 เข็มของสมาชิกโรงพยาบาลเอกชนจะอยู่ที่กว่า 3,000 บาท
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวอินโฟเควสท์ รายงานว่า นายชัยสิทธิ์ วิริยะเมตตากุล ประธานกรรมการบริหาร โรงพยาบาลวิภาวดี ได้ถอนตัวจากการสั่งซื้อวัคซีนโควิด-19 ของโมเดอร์นาจากองค์การเภสัชกรรม มาให้บริการแก่ลูกค้า เพราะจนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถทราบถึงการระยะเวลาที่จะได้รับวัคซีนแน่ชัดจากผู้จำหน่าย และองค์การเภสัชฯ ทำให้ลูกค้าที่เคยทำรายการจองไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วอาจจะไม่สามารถรอได้
ส่งผลให้ลูกค้าที่มีรายชื่อจองฉีดวัคซีนกับทางโรงพยาบาลไม่พอใจ ซึ่งเป็นความเสี่ยงให้กับคุณภาพการบริการของทางโรงพยาบาลวิภาวดีในสายตาของลูกค้า เพราะหากลูกค้ายินดีที่จะจ่ายเงินฉีดวัคซีนทางเลือกที่ทางโรงพยาบาลจัดหามา แต่ได้รับการฉีดล่าช้ากว่าการฉีดวัคซีนที่รัฐจัดหามาให้บริการกับประชาชนนั้น ก็ไม่เป็นผลดีต่อคุณภาพการบริการของโรงพยาบาล เบื้องต้นคาดว่าการเริ่มฉีดวัคซีนทางเลือกของกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนคงจะล่าช้าไปถึงเดือน ธ.ค. 2564 หรือต้นปี 2565
อนึ่ง รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือน ธ.ค. 2563 โรงพยาบาลวิภาวดี เคยจัดโปรแกรมเปิดจองวัคซีนโควิด-19 ของโมเดอร์นา เพื่อสำรวจความสนใจแก่ลูกค้าโรงพยาบาล แต่ถูกกระทรวงสาธารณสุขสั่งให้ระงับ เนื่องจาก อย. ยังไม่ได้รับรองการใช้วัคซีน แม้ว่าจะได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ไปแล้วก่อนหน้านี้ ก่อนที่จะลบข้อมูลออกจากเว็บไซต์ คืนเงินจองแก่ลูกค้าทั้งหมด และถูกดำเนินคดี เปรียบเทียบปรับเป็นจำนวนหลักหมื่นบาท
ขอขอบคุณข่าวจาก : https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000043608