การดูแลตัวเองสำหรับ “ตระเวนกิน” แล้ว นอกจากจะหาเวลาว่างออกกำลังกาย เพื่อดูแลร่างกายให้มีสุขภาพที่ดีแล้ว
บรรยากาศภายในร้าน “ลองดู”
การเลือกกินอาหารเราก็ให้ความสำคัญเช่นกัน โดยเลือกกินอาหารที่ครบหลักโภชนาการทั้ง 5 หมู่ และเน้นกินพวกผักสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อร่างกายให้มากๆ
ในมื้อนี้ “ตระเวนกิน” เลยอยากจะชักชวนมิตรรักนักกินทั้งหลาย ที่รักและใส่ใจในสุขภาพของตัวเอง มากินอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกาย และมีผักสมุนไพรเป็นส่วนประกอบอย่าง “อาหารเวียดนาม” โดยขอพามาลิ้มรสอาหารเวียดนามรสดีกันที่ร้าน “ลองดู” ที่ตั้งอยู่ตรงปากซอยวิภาวดีรังสิต 26
โต๊ะชวนนั่งสบายๆ
ร้าน “ลองดู” แห่งนี้เปิดขายอาหารเวียดนามมานานถึง 25 ปีแล้ว นำเสนออาหารเวียดนามที่มีการปรับเปลี่ยนเป็นสไตล์คนไทยมากขึ้น โดยเป็นสูตรที่ทางร้านคิดค้นขึ้นมาเป็นพิเศษ เน้นเรื่องการคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ นำมาปรุงแต่งเป็นอาหารเวียดนามที่มีความสด สะอาด และมีรสชาติที่ถูกปากคนไทยให้ได้เลือกชิมกันมากมาย อีกทั้งยังมีอาหารไทย-อีสาน ให้ได้เลือกชิมกันอีกด้วย
ปากหม้อ
เมนูอาหารเวียดนามจานเด่นๆ ของที่นี่มีมากมาย เราขอเลือกแนะนำเมนูจานเด็ดที่ถ้ามาถึงร้านแล้วต้องสั่งมากินกันให้ได้ก็แล้วกัน จานแรกขอนำเสนอ ปากหม้อ (100 บาท) เป็นปากหม้อที่ทางร้านทำแป้งเองแบบสดใหม่ ตัวแป้งนุ่มใสข้างในใส่ไส้หมูที่ผัดปรุงรสชาติมาอย่างดี ห่อม้วนแป้งมาเป็นชิ้น มีหมูยอหนังที่คัดสรรมาอย่างดีจากอุบลฯ เคียงมาด้วย ชิมปากหม้อแป้งนุ่มนิ่มเข้ากับไส้หมูรสกลมกล่อมถูกลิ้น กินคู่กับน้ำจิ้มสูตรพิเศษเพิ่มรสชาติให้อร่อยยิ่งขึ้น
หมูห่อชะพลู
เมนูถัดมาที่ไม่ควรพลาด คือ หมูห่อชะพลู (150 บาท) เสิร์ฟมาร้อนๆ ส่งกลิ่นใบชะพลูหอมๆ ยั่วน้ำลาย เป็นหมูสับปรุงรสห่อกับใบชะพลูแล้วทอด กินหมูห่อชะพลูเคี้ยวกร้วมเข้าปาก ใบชะพลูไม่ขมปากมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของใบชะพลูอยู่ในปาก ได้รสชาติของเนื้อหมูนุ่มๆ รสเข้มข้น กินกับเส้นหมี่ขาวลวก หรือข้าวเหนียวทอด (แล้วแต่จะเลือกสั่ง) แล้วก็มีน้ำจิ้มแจ่วสูตรพิเศษรสเด็ดให้ราดกินเคียงกัน รสชาติดีถูกปากไม่น้อยเลย
กุ้งพันอ้อย
จานต่อมาเป็น กุ้งพันอ้อย (170 บาท) ทางร้านนำกุ้งมาผสมกับหมูปรุงรสให้เข้ากัน แล้วนำมาปั้นห่อกับอ้อยแล้วทอดจนสุกเหลือง เสิร์ฟมาร้อนๆ กินแล้วสัมผัสได้ถึงความกรอบนอกนุ่มใน เต็มปากเต็มคำได้รสชาติของกุ้งที่หอมหวาน กินกับน้ำจิ้มสูตรพิเศษของทางร้านที่ออกรสเปรี้ยวนิดๆ แถมยังมีเส้นหมี่ขาวลวกมาให้กินเคียงกันด้วย
สลัดเวียดนาม
อีกหนึ่งจานที่อยากแนะนำให้ลองลิ้ม คือ สลัดเวียดนาม (170 บาท) เมนูนี้เพื่อสุขภาพดีแท้ มีผักสลัดไฮโดรโพนิกส์ ผักโตวเหมี่ยว (ต้นอ่อนของถั่วลันเตา) แครอท แอปเปิ้ล แตงกวา ห่อกับแผ่นแป้งปอเปี้ยะมาเป็นคำๆ กินกับน้ำจิ้มที่ทางร้านปรุงขึ้นมาตามสูตรพิเศษ ลิ้มรสผักสดกรอบเข้ากับแป้งนุ่มๆ ชุ่มน้ำจิ้มรสดีมีกลิ่นของวาซาบิอ่อนๆ
ยำปลาแซลมอนกระเทียมโทน
และถ้าใครชื่นชอบกินปลา แนะนำว่าต้องสั่งเมนูนี้ ยำปลาแซลมอนกระเทียมโทน (250 บาท) ทางร้านนำปลาแซลมอนจากนอร์เวย์ชิ้นใหญ่นำมาทอดจนปลาสุกเหลืองกรอบ แล้วก็ทำน้ำยำแบบไทยๆ ครบเครื่อง ใส่กระเทียมโทนดองและน้ำกระเทียมมาในน้ำยำด้วย ชิมแล้วปลาแซลมอนกรอบนอกนุ่มใน ชุ่มน้ำยำรสแซบจัดจ้านถูกปากดีจริง
ปลาทอดตะไคร้
ส่งท้ายด้วยอีกหนึ่งเมนูปลาจานเด็ด ปลาทอดตะไคร้ (200 บาท) เป็นปลาตาเดียวทั้งตัว แล่เอาแต่เนื้อออกมาหั่นเป็นชิ้นๆ ปรุงรสด้วยสมุนไพร และตะไคร้ คลุกแป้งนิดหน่อยแล้วทอดมาแบบเหลืองกรอบ เสิร์ฟมาร้อนๆ หอมกลิ่นตะไคร้ขึ้นจมูก กินเนื้อปลากรอบนุ่มหอมกลิ่นตะไคร้อ่อนๆ ได้รสตะไคร้และสมุนไพรในปากเวลาเคี้ยว กินกับน้ำจิ้มซีฟูดแซบเด็ดโดนใจ
โต๊ะนั่งด้านนอกรับลมเย็นๆ
แม้ว่าจะแนะนำอาหารจานเด็ดไปหลายอย่างแล้ว แต่ก็อยากจะบอกว่าในเมนูยังมีอาหารเวียดนาม ไทย - อีสาน อีกหลายหลากที่ชวนชิมอีกไม่น้อย อาทิ ยำหมูยอแห้ง (150 บาท) ปีกไก่ข้าวเหนียวทอด (170 บาท) น้ำตกคอหมูย่าง (170 บาท) ต้มแซบกระดูกอ่อน (170 บาท) แกงส้มชะอมทอด+กุ้ง (170 บาท) ฯลฯ ชวนให้สั่งมานั่งกินไปกับบรรยากาศร้านที่ชวนนั่งแบบสบายๆ ร้านโปร่งโล่ง มีโซนโต๊ะนั่งให้เลือกหลายโซนตามชอบใจ
หากมิตรรักนักกินคนไหน ชื่นชอบกินอาหารเวียดนามเพื่อสุขภาพแล้ว ก็อยากแนะนำให้ลองแวะเวียนมาลิ้มรสอาหารเวียดนามรสดี ที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ กินดีต่อสุขภาพของร้าน “ลองดู” แห่งนี้กันดูนะจ๊ะ
*************************************************************
“ลองดู” ตั้งอยู่ที่ 1124/5-7 ซ. วิภาวดีรังสิต 26 (ลาดพร้าว 2) ถ.วิภาวดีรังสิต แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. การเดินทางจากแยกลาดพร้าว ให้เลี้ยวเข้าถ.ลาดพร้าว แล้วตรงไปกลับรถ จากนั้นให้ชิดซ้าย สังเกตซ้ายมือจะเห็นซ. ลาดพร้าว 2 ให้เลี้ยวเข้าซอยแล้ววิ่งไปจนสุดซอย (ทะลุ ซ.วิภาวดีรังสิต 26) ร้นจะอยู่ขวามือ เปิดทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น. โทร. 0-2513-8559, 08-1701-8668 และมีอีก 1 สาขา ตั้งอยู่ที่ ซ.วิภาวดีรังสิต 64 โทร. 0-2973-4434, 08-6345-5855
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
ขอขอบคุณบทความจาก : http://manager.co.th/Food/ViewNews.aspx?NewsID=9580000004742