หลายคนคงจะไม่ทราบว่า แท้จริงแล้วคนไทยมีฝีมือด้านการออกแบบ และผลิตเครื่องหนังแบบมืออาชีพมานาน เพราะเมื่อดูจากตัวเลขการส่งออกผลิตภัณฑ์เครื่องหนังไทยในแต่ละปี ไทยส่งออกผลิตภัณฑ์เครื่องหนังไปขายในต่างประเทศมีมูลค่ามากถึงปีละเกือบ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนการส่งออกเพิ่มขึ้นทุกปี อย่างน้อยร้อยละ 5 แต่ส่วนใหญ่เป็นการส่งออกในรูปแบบของการรับจ้างผลิต โดยมองข้ามเรื่องของการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก
หลายคนคงจะไม่ทราบว่า แท้จริงแล้วคนไทยมีฝีมือด้านการออกแบบ และผลิตเครื่องหนังแบบมืออาชีพมานาน เพราะเมื่อดูจากตัวเลขการส่งออกผลิตภัณฑ์เครื่องหนังไทยในแต่ละปี ไทยส่งออกผลิตภัณฑ์เครื่องหนังไปขายในต่างประเทศมีมูลค่ามากถึงปีละเกือบ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ มีสัดส่วนการส่งออกเพิ่มขึ้นทุกปี อย่างน้อยร้อยละ 5 แต่ส่วนใหญ่เป็นการส่งออกในรูปแบบของการรับจ้างผลิต โดยมองข้ามเรื่องของการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก | ||||
สำหรับผู้ผลิตเครื่องหนังในกลุ่มของผู้ประกอบการรายย่อยเดิมนั้นมีอยู่เป็นจำนวนมากถึงกว่า 200 โรงงาน และเป็นการรับจ้างผลิตให้กับแบรนด์ดีไซเนอร์ชื่อดังทั้งในประเทศ และต่างประเทศ แต่สำหรับ “ธันวาพาณิชย์” เป็นหนึ่งในผู้รับจ้างผลิตที่พยายามผันตัวเองมาเป็นผู้จัดจำหน่ายภายใต้แบรนด์ของตัวเอง เช่นเดียวกับโรงงานอื่นๆ หลังจากประสบปัญหาเรื่องของจำนวนลูกค้าที่มาว่าจ้างผลิตสินค้าลดลง จากการเข้ามาตีตลาดของผู้ผลิตเครื่องหนังจีน และเวียดนามที่รับจ้างผลิตในราคาที่ถูกกว่า ทั้งนี้ ประกอบกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากราคาวัตถุดิบ และค่าแรงที่เพิ่มขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล ทำให้ลูกค้าหันไปว่าจ้างและนำเข้าสินค้าจากที่อื่นแทน ด้วยเหตุนี้ทำให้ “ธันวาพาณิชย์” ต้องปรับตัว จากเดิมรับจ้างผลิตให้กับแบรนด์ต่างๆ ต้องหันมามองการสร้างแบรนด์ของตัวเอง ส่วนหนึ่งเพื่อรองรับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน AEC เป็นโอกาสให้สินค้าแบรนด์เนมของไทย ซึ่งลูกค้าในกลุ่มอาเซียนอย่างพม่า เวียดนาม กัมพูชา ลาว ค่อนข้างยอมรับในสินค้าที่มาจากประเทศไทย หรือแบรนด์ไทยอยู่แล้ว นางชฎาพร ดอกสันเทียะ เล่าว่า เดิมธันวาพาณิชย์ รับจ้างผลิตให้กับสินค้าแบรนด์เนมในลักษณะ 100% มานานกว่า 20 ปี จนกระทั่งเกิดความคิดว่าน่าจะมีหน้าร้านเป็นของตัวเอง โดยเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมาได้มาเปิดร้านขายภายใต้แบรนด์ของตัวเอง ที่มีชื่อว่า Tostell ที่ย่านประตูน้ำ อินทรา เป็นแบบและดีไซน์ของเราเอง ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้า โดยเฉพาะชาวต่างชาติเป็นอย่างดี ทำให้เราทราบว่าจริงๆ แล้วลูกค้าไม่ได้มองเรื่องของแบรนด์เสียทีเดียว ลูกค้าที่ชื่นชอบการใช้กระเป๋าหนังมองเรื่องความประณีต คุณภาพ และดีไซน์ของสินค้าเป็นหลัก |
||||
หลังจากประสบความสำเร็จจากการเปิดร้านที่ย่านประตูน้ำ จากลูกค้าชาวต่างชาติ มองหาลู่ทางการทำตลาดในต่างประเทศด้วยการร่วมกับกรมส่งเสริมการส่งออกออกงานแสดงสินค้า พร้อมกับเปิดร้านขายประจำอยู่ศูนย์แสดงสินค้าที่กรมส่งเสริมการส่งออก ถนนรัชดาภิเษก อีก 1 แห่ง ซึ่งประสบความสำเร็จเช่นกันเพราะได้ลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ และในส่วนของสาขา 2 ที่ศูนย์แสดงสินค้า กรมส่งเสริมการส่งออก ทำให้เรารู้ว่าลูกค้าคนไทยทื่ชื่นชอบผลิตภัณฑ์เครื่องหนังแบบไม่ติดแบรนด์ ก็ยังมีอีกมาก จึงได้ตัดสินใจเปิดสาขา 3 เพื่อขายคนไทยโดยเฉพาะ เลือกทำเลที่เป็นย่านชอปปิ้งของลูกค้าที่เป็นหมู่บ้านจัดสรร คนทำงาน ในบริเวณชั้น 1 หน้าท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เกต ศูนย์การค้าโฮมเวิร์ค ถนนราชพฤกษ์ และก็ไม่ผิดหวังเพราะเป็นศูนย์การค้าที่มีนักชอปกระเป๋าหนักอยู่ค่อนข้างมาก และสาขานี้ก็ไม่ผิดหวังเช่นกันแม้จะต้องเสียค่าเช่าต่อวันมากถึง 2,600 บาท เพราะสาขานี้มีรายได้ต่อวันเป็นหลักหมื่นบาท ไปจนถึงหลักแสนบาทเลยทีเดียว ในส่วนของรายได้ ปัจจุบันมีรายได้จากการรับจ้างผลิตประมาณ 70% เป็นการขายภายใต้แบรนด์ของตัวเอง 30% มีออเดอร์ต่อวันประมาณ 20-30 ใบ ราคาขายปลีกหน้าร้าน เฉลี่ยอยู่ที่ 2,000 บาท ถึง 3,000 บาท ทุกสาขาจะขายในราคาเดียวกันหมด เป็นราคาที่ลูกค้ามองว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับคุณภาพ เพราะสินค้าแบรนด์เนมที่มาว่าจ้างเราผลิต เวลาไปตั้งราคาขายในห้างประมาณ 5,000 บาท ถึง 6,000 บาท จึงอาศัยช่องว่างราคาเป็นช่องทางในการทำตลาดในประเทศ ปัจจุบันลูกค้าเริ่มรู้จักเรามากขึ้น และหันมาเป็นลูกค้าประจำ |
||||
สำหรับการแข่งขันในธุรกิจเครื่องหนัง โดยเฉพาะกระเป๋าแข่งกันที่รูปแบบดีไซน์ และคุณภาพ และเนื่องจากเป็นสินค้าแฟชั่น ดังนั้น เรื่องของดีไซน์จึงต้องให้ความสำคัญพอๆ กับคุณภาพ ซึ่งในแต่ละเดือนจะต้องมีดีไซน์ใหม่ออกมาทุกเดือน เดือนหนึ่งจะมีประมาณ 7-8 แบบ โดยศึกษาจากสินค้าแบรนด์เนมในท้องตลาด หรือดูจากแฟชั่นในต่างประเทศ ผ่านทางเว็บไซต์ หรือนิตยสาร ปัจจุบันแฟชั่นเครื่องหนังที่มีการแข่งขันกันมากจะเป็นผลิตภัณฑ์จากหนังวัวเพราะเป็นวัตถุดิบที่หาได้ง่าย เมืองไทยมีโรงงานฟอกหนังวัวหลายแห่ง และราคาไม่แพงมาก การใช้งานคงทน โดยหนังวัวปัจจุบันทำออกมาหลายแบบ และที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันก็ต้องเป็นหนังวัวซีซีโอ หนังวัวแบบหนังมันวาว หนังวัวแบบอัดเม็ดลิ้นจี่ หนังวัวนิ่ม หนังวัวชามัวร์ ราคาแตกต่างกันออกไป หนังวัวซีซีโอมีราคาแพงสุด หนังวัวนิ่มจะถูกสุด การเลือกวัตถุดิบจะเป็นไปตามแฟชั่น ซึ่งส่วนใหญ่ดีไซเนอร์แบรนด์เนมชื่อดังจะเป็นผู้กำหนดแฟชั่นในยุคนั้น และนักออกแบบคนอื่นๆ ก็จะทำตาม และเลือกใช้วัตถุดิบในแบบเดียวกัน ในส่วนของลูกค้า พฤติกรรมของลูกค้าในการชอปกระเป๋าส่วนใหญ่จะอิงตามแฟชั่นอยู่บ้าง แต่ถ้าคนที่ชื่นชอบกระเป๋าแล้วเดือนหนึ่งจะต้องมีการซื้อกระเป๋าใบใหม่ประมาณ 1-2 ใบ ซึ่งดูจากยอดขายของลูกค้าที่มาซื้อที่ร้านถ้าเป็นลูกค้าประจำบางครั้งเดือนหนึ่งซื้อ 2-3 ใบก็มีถ้ามีแบบใหม่ที่ชอบ |
||||
|
||||
*************** โทร. 0-2468-7843, 08-6317-9748 |