ข้อความและภาพถ่ายจากกระทู้สุดท้ายที่เกี่ยวกับนักบิน จากคุณสมนึก ปราการเจริญ (อาของนักบินรณพ) ดังต่อไปนี้
ในที่สุด
เราก็พบเครื่องที่บินหายไปจากจอเรดาร์ เมื่อ 5 ปี 3 เดือน พบ เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2555 โดย เจ้าหน้าที่สวนป่าเจ็ดคต และ เจ้าหน้าที่ดูแลสวนป่าเอกชน ณ พื้นที่ติดต่อกัน โดยเดินสำรวจ ตามทางช้าง และกระทิง
หลังเครื่องบินหายอย่างไร้ร่องรอย เมื่อ 9 สิงหาคม 2550 พบในป่าที่หายไปจากจอเรดาร์ พบในจุด radar lost ห่างไปเพียง 1200 เมตร
ความ พยายามของเรา และผู้ร่วมทาง นาน 5 ปี 3 เดือน สำเร็จแล้ว และเราเข้าพื้นที่เครื่องตกได้จริง ในวันที่ 12 พย 2555 เหมือนวันที่ผมเริ่มเดินป่าค้นหาเขาทั้ง 2 ในวันเดียวกัน เมื่อ 5 ปีที่แล้วเป็นครั้งแรก
แต่การพบเครื่องของเรา เป็นเพียงแค่การเริ่มต้น เพราะเรา ยังไม่พบ สิ่งที่เราตามหา เครื่องบิน ไม่ใช่เป้าหมายของเรา
2 นักบินที่สูญหายต่างหาก คือปราถนาของเราตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา
สิ่งที่พบ และบ่งชี้ว่าเป็นกระดูกของร่างของ 2 นักบิน คำตอบสำหรับผม คือ
ไม่ใช่ร่างของเขา
ปฎิบัติการ ค้นหาร่างจะเริ่มอย่างจริงจังอีกครั้ง ในวันอังคารที่ 27 พย.นี้ครับ
แล้วเราก็พร้อมแล้วที่จะไป
พื้นที่ของ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เจ็ดคด-โป่งก้อนเส้า
ตรงจุดน้ำเงิน คือจุดที่พบ
การค้นหาในวันแรก เป้นไปตามแนวค้นหา 25 ตรกม ในแผนที่ค้นหา มีจุดที่เครื่องบินตกอยู่ด้วย ประมาณหมายเลข 11
นั่นเป็นที่มาของชุดค้นหาในวันนั้น ที่ต่างรายงานต่อหัวหน้าที่ว่า เข้าถึงจุดหมายแล้ว และไม่พบ?!
หลังจากพร้อม ก็เริ่มออกพื้นที่ ตามพิกัดพื้นที่
นาย สมบัติ พิมพ์ประสิทธิ์ หัวหน้าศูนย์ศึกษาธรรมชาติและท่องเที่ยวเชิงนิเวศเจ็ดคต-โป่งก้อนเส้า และ ทางสื่อมวลชนทุกหน่วย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับทาง TV3 ที่ทาง ผู้บริหารระดับสูงให้การสนับสนุน การค้นหาอย่างเต็มที่
ทางเรา ในฐานะตัวแทนของ รณพ และ ภาคิน ต้องขอขอบคุณด้วยความจริงใจอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะกับ Sky report TV3 และ คุณฐปณีย์ เอียดศรีไชย ที่ร่วมการค้นหา ในช่วงข่าว 3 มิติกับเรา นาน เกือบ 4 ปี ของการค้นหา
แทบจะทุกครั้งที่มีข่าว คุณแยม จะติดต่ออและเข้าพื้นที่กับเราแทบทุกครั้ง
รวมถึงครั้งนี้ด้วย ที่ส่งกำลังเข้าพื้นที่เต็มกำลัง
เริ่มจากการโดยสารเฮลิคอป์เตอร์ของ sky report เข้าพื้นที่
ขวา นายสมบัติ พิมพ์ประสิทธิ์ หัวหน้าศูนย์ศึกษาธรรมชาติและท่องเที่ยวเชิงนิเวศเจ็ดคต-โป่งก้อนเส้า
ซ้าย จ๊อด นายปริญญา กองคำฟู เจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ หนึ่งใน 3 ผู้ที่ไปยังจุดตก ในวันที่ 9 พย.2555
ตอนลงเครื่อง เดินเข้าป่า ฟ้าก็ใส โปร่งสบาย ไม่มีท่าทีว่าจะมีฝนเล้ย
จุด ที่เรา ฮีอพลงในวันที่ 12 เป็นจุดเดียวกับที่เรา ฮีอพ ลงจาก ฮอ เบลล์ ในวันนั้น ต่างตรงที่เดินไปคนละทาง ครั้งนี้ เราเดินขึ้นเนินไปยังคอกวัว
ครั้งก่อน เราเดินลงเนิน อ้อมไปด้านหลังเขา
เริ่ม
เดินต่อไปสบายๆ
ทางเริ่มยาก
ยาก และเริ่มเดินขึ้น
ชิ้นส่วนแรก
ปีกขวา
แล้วเราก็พบเครื่องที่ซุกอยู่ในไม้เถา ที่เป็นเหตุให้เราบินหาอย่างไรก้ไม่เจอ ทันทีที่พบ ฝนก็ตกอย่างหนัก เหมือนกับบอกว่า เราพบแล้ว
สภาพเครื่องที่พบ
เครื่องพลิกคว่ำ พับ และเสียหายอย่างหนัก
รอบๆเครื่อง
กัปตัน ประเสริฐ เจ้าของสนามบินกลางดง ผู้ชำนาญเครื่องบิน cessna เข้าร่วมตรวจสอบเครื่องบินด้วย แม้ว่า เช้าวันถัดไป จะต้องเดินทางไปยังต่างประเทศ
กระเป๋าใบแรกที่พบ เป็นกระเป๋า first aid ของภายในหายหมด เหมือนถูกคนนำไปใช้
แล้วก็ถึงตอนสำคัญ มันอาจจะเป็นกุญแจบอกอะไรเราบางอย่าง
ของเหล่านี้ มันจะต้องอยู่ในกระเป่าใบที่ 3 หมายถึงกระเป๋าประจำเครื่อง
เราพบเป็นใบแรก ก่อนเดินไปพบเครื่องบินทั้งลำที่ซุกตัวอยู่อย่างสงบ
ของในกระเป๋าเหมือนถูกใครนำออกไปใช้จนหมด
แล้วก็น่ามีกล่องยาแบบนี้ด้วย
ภายในจะบรรจุชุดยาเหล่านี้
น่าแปลกใจ ในกระเป๋าไม่มีอะไรเหลือแม้แต่กระดาษสักใบ
คิดเหมือนผมไหมว่า เขาไม่ได้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
บาดเจ็บน่ะแน่ ดูจากชุดนักบินที่ถูกถอดออกและพบในที่เกิดเหตุ คงพอดูออกว่า ยังไงก็ต้องเจ็บหนักแน่
แต่ปริศนาคือ ทำไมชุดจึงถูกถอดออก เจ้าตัวน่าจะถอดออกเอง เพราะอาศัยนักบินที่เกิดเหตุร่วม คงอาการไม่แพ้กัน
ซิป ถูกรูดออกจนสุด แขนเสื้อขวาขาดหายไป ขากางเกง ฉีกขาด หาไม่พบ ซิบที่ขากางเกงซ้าย ถูกรูดออก(ปรกตินักบินจะรูดซิปเก็บ ขณะแต่งตัว) เป้ากางเกงขาดยาวจากขาขวา ไปยังขาซ้าย น่าจะเกิดจากแรงเหวี่ยงกระชาก และคิดได้ว่า ด้านขวาของเครื่องบินถูกเปิดออก และเกิดการครูดพื้น
ดัง นั้น เสื้อตัวนี้เป็นของนักบินที่ 2 เสื้อตัวเล็กกว่านักบินอีกคน ร่างนักบินรณพ สูง 180 ซม. เสื้อตัวนี้ น่าจะเป็นของภาคิน แน่นอน
รองเท้าขวา 2 ข้าง ตกวางอยู่บนพื้นดิน เหมือนถูกถอดวาง โดยมีใบไม้ทับถมเล็กน้อย
หรือว่า ร่างเขาจะถูกเครื่องบินทับ
แน่ นอนภายในเครื่องไม่มีแน่ ผมมุดเข้าออกอยู่หลายครั้ง และที่สำคัญ ชิ้นส่วนเครื่องบินภายในที่แตกหัก มันดูใหม่ เหมือนกองเศษของที่อยู่ในโรงซ่อมบำรุงอย่างดี
สายเคเบิล ที่อยู่ในเครื่อง ถูกปกป้องอย่างดี จากซุ่มเครื่อง รวมถึง แผ่นไมโครไฟเบอร์ ที่ยังคงเหลืองสดอย่างเหลือเชื่อ
นั่นเท่ากับว่า ถ้ามีคราบเลือดอยู่ภายใน ต่อให้ผ่านไปอีกหลายปี ผมว่า เราน่าจะเจอ
เราไม่พบสิ่งที่เราต้องการ
ทุกหน่วยงานเริ่มเดินออกจากพื้นที่กันแล้ว 4 โมงเย็น ฝนตกหนัก ถ้าเราออกช้าไปจากนี้อีก 15 นาที ก่อนถึงทางออก จะมืดซะก่อน
เรา พบกระเป๋านักบินที่ 2 ที่บรรจุกล้อง และของใช้ของภาคิน-เต้ ครบชุด กล้องดิจิทัล กระเป๋าใส่ปากกาดินสอ และยางลบ 2 ก้อนใหม่้ เอกสารที่หมดสภาพให้อ่านเพราะฝน
สำหรับกล้อง ถูกเก็บรักษาจากการที่เขาอยู่ในซอกเก้าอี้ภายในเครื่อง กล้องไม่เสียหาย และซิมการ์ด ยังเปิดภาพดูได้อย่างที่เห็นกัน
กล้อง ดิจิทัล ซองใส่ปากกา และ talking dict ที่ตกอยู่ที่พื้น และใครบางคน(คณะผู้ค้นหา) เหยียบจมดิน
ขอบคุณรูปจากทีมข่าว INN ครับ
การเดินเท้ากลับ ระยะทาง เกือบ 4 กม
แรก เลย คิดว่าจะง่ายกว่าตอนเข้า ที่ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ขากลับ เพียง ชั่วโมงเศษ แต่กลับสาหัสกว่า การเดินลงเขา ทำให้ทุกคนหกคะเมนตีลังกา เพราะฝนตก ลื่น ทางชัน
เมื่อลงมาถึงทางร่องน้ำเล็กๆข้างล่างในตอนเดินเข้า บัดนี้ กลายสภาพเป็นน้ำตกใหญ่ เชียวกราด เพราะฝนหนักที่ถล่อมเราซะเละนั่นเอง
แล้วเราก็กลับถึง ศูนย์ เจ็ดคต อย่างปลอดภัย ด้วยเฮลิคอป์เตอร์ sky report
แต่ความชุลมุน ในห้องทำงานกลับเพิ่มเริ่มต้น จากหลักฐานที่เรานำกลับมา
เช้า วันต่อมา เราได้รูปนี้ จากคุณ ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ที่ขึ้นบินอีกครั้งในตอนเช้า กับกัปตันรังสี เหลืองวิลาวัณย์ ที่เพิ่งกลับจากการเดินทางไปต่างประเทศ
ภาพนี้ สำคัญมาก ทำให้เราเห็นภูมิประเทศที่แท้จริง สำหรับการเดินทางเข้าป่าอีกครั้ง ในอีกไม่กี่วันถัดมา
เราก็ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด สิ่งที่เราค้นหาคือ
1 ใบพัดหน้า อยู่ไหน หาไม่เจอ
2 เก้าอี้นักบิน ทั้ง 2 ตำแหน่งเป็นอย่างไร
3 ทำไมชุดนักบินเพียงชุดเดียวถึงถูกถอดออกและวางพาดเก้าอี้นักบินที่ 2
4 ชุดยา หายไปไหน
5 เข็มขัด ถูกปลดออกหรือขาดออก
6 ถ้าเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ต้องมีคราบเลือดติดอยูในชิ้นส่วนบางชิ้น หรือแม้แต่กับชุดนักบิน ก็น่าจะมีบ้างซึ่งก็ไม่
7 ถ้าไม่ แล้วเขาจะเดินไปทางไหน เมื่อดูจากภาพถ่ายทางอากาศ
8 ถ้าไม่เสียชีวิตในทันที เขาจะดำรงชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหน ในสภาวะฝนตกหนักติดต่อกัน 3 วัน ก่อนที่จะแดดจัดในวันที่ 12
9 จุดไฟขอความช่วยเหลือคงไม่ได้ เพราะสภาพเปียกเฉาะ
. ? . ? . ? . ?
เรายังสงสัยอีกเยอะ นั่นเป็นเหตุที่ทำให้เราต้องเตรียมตัวในการค้นหาครั้งต่อไป อย่างรอบครอบ
1 สุนัขค้นหา
2 เครื่องตรวจหาซากสิ่งมีชีวิต
3 เจ้าหน้าที่ค้นหา อีกนัก 10 นาย รวมเจ้าหน้าที่ มูลนิธิปอเต๊กตึ๊ง ในพื้นที่
เป็นสิ่งที่เราเตรียมตัวสำหรับการค้นหาอย่างละเอียด
สภาพภายในห้องเครื่องบิน เก้าอี้นักบินที่ 2(ขวา)หลุดออกจากตำแหน่ง เข็มขัดนิรภัย เหมือนถูกปลดออก
เก้าอี้นักบินที่ 1 อยู่นอกลำตัวเครื่องบิน หลุดออกจากเครื่องมากองอยู่ที่ด้านท้าย สภาพปกติ พับกางออก โครงเก้าอี้อยู่ภายในเครื่อง
ลำตัวเครื่อง พับงอ จากแรงกระแทกอย่างแรง
ตำแหน่งชุดนักบินที่ 2
ไม่เจออะไรสักอย่างที่บ่งว่าเป็นชิ้นส่วนหรือร่างการมนุษย์
เรา หา ชุดนักบินที่ 1 ไม่พบ เราเพิ่งรู้ว่า รณพ ไม่ได้สวมชุดนักบิน ใส่ชุดขาว กางเกงขายาวปรกติ สีน้ำเงิน หัวเข็มขัดแป้น ชุบโครเมียม สายเป็นหนัง ไม่พบ
นักบินที่ 2 ภาคิน หากพบแต่ชุดนักบิน แล้วชุดที่สวมด้านใน หายไปไหน?
เรากลับมาที่เจ็ดคตอีกครั้ง วันที่ 16 พย.55 เร็วกว่ากำหนด 4 วัน
ฝนเป็นปัจจัยหลักที่เราใช้ในการตัดสินใจเข้าพื้นที่ เร็วขึ้น
อีกปัจจัยหลักที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของเราคือ ใจ มัวรออะไรอีก เมื่อเจอเครื่องแล้ว เขาทั้ง 2 ก็น่าจะอยู่ที่นั่น
คนพร้อม สุนัขพร้อม เครื่องค้นหาร่างพร้อม เจ้าหน้าที่พร้อม 7 โมงเช้าเริ่มประชุม
ส่วนหนึ่ง บินไปกับ sky report ของthai TV ช่อง 3
คุณ TOTO และ คุณแยม มาแต่เช้า
TNN24 เดินทางไปกับ off-road 4x4 กับขบวนผม เพื่อรู้จักทางเข้าบนถนน และทิศทางที่ถูกต้อง หากเราต้องเดินทางกันอีกครั้ง โดยลำพัง หากวันนี้ ไม่ประสบความสำเร็จตามที่เราคาดหวังไว้
แล้วก็เริ่มเข้าพื้นที่ หลังจากเดินทางเข้าพื้นที่ ด้วยรถ off road นานชั่วโมงเศษ
ลำธารเล็กๆที่เราเริ่มเข้าพื้นที่ ในวันที่เดินออก สภาพเป็นน้ำตกใหญ่ - ย่อม สลับกัน
วันนี้ ฝนไม่ตกติดต่อกัน 3 วัน น้ำจึงน้อย ให้ใครก็ได้ที่คิดจะลุยป่า เข้าถึงพื้นที่ได้
เราเดินเร็วกว่าเดิม ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงก็เข้าถึงพื้นที่ได้
แล้วก็เดินขึ้นเนินไปเรื่อยๆต่อเนื่อง แล้วก็มาถึงชิ้นส่วนแรก ทันกลุ่มแรกที่เดินทางมากับ Sky report
ในภาพ กัปตัน แก๊พ น้องชาย ของ รณพ เหลืองวิลาวัณย์
บริเวณโดยรอบ ชิ้นส่วนกระจาย พื้นแห้ง และง่ายต่อการเดินสำรวจโดยรอบ
ประตูขวา นักบินที่สอง หลุดเข้าซุกอยู่ในพงเถาวัลย์ ไกลออกไป จาก ปีกขวา ที่พาดกับยอดไม้
ยอดไม้ซ้าย ขาดหายไป เมื่อเทียบกับขวา ไม้ใหญ่ 2 ต้น อยู่ในทิศตะวันออก
ส่วนเครื่อง หัวอยู่ในตำแหน่งทิศเหนือ
ชิ้นส่วนกระจาย
กัปตัน รังสี เหลืองวิลาวัณย์ คุณพ่อ นักบิน รณพ เหลืองวิลาวัณย์
สภาพเครื่อง และตำแหน่งเครื่องบินที่ตก เครื่องซุกเข้าเถาไม้ใหญ่ ไม่สามารถเห็นได้ทางอากาศ
สภาพเครื่อง ที่ท้องฟ้าเปิด ไม่มีฝน แดดจัด สภาวะเหมาะแก่การค้นหา
และนี่คือสิ่งที่เราค้นหา เข็มขัดนิรภัย นักบินที่ 1 ขาด
นักบินที่ 1 หลุดออกจากเครื่องก่อนหรือหลังกระแทกพื้นครั้งแรกแน่นอน
ขึ้นอยู่กับว่า หลุดตั้งแต่ชนกิ่งไม้บน หรือ หลังกระแทกพื้น
และถ้าลงหลังกระแทกพื้น เครื่องกระแทกพื้นครั้งแรกที่ไหน
มีอีกสิ่งหนึ่งที่เราตามหา คือ ELT emergency location transmission
หรือ เครื่องส่งสัญญาบอกพิกัด กรณี่เครื่องกระแทกพื้น ระดับ 2 G ขึ้นไป
ว่ามีอยู่ในเครื่องบินหรือไม่
การ แจ้งข้อมูลอย่างสับสนของโรงเรียนการบินโดยคุณปิยะ เจ้าของสถาบัน แจ้งกลับไปมาว่า อาจจะมีหรือไม่มี รวมถึง ถ้ามี ELT อาจจะเป็นรุ่นเก่า แบบ mannual คือต้องใช้มือกด
จากการพูดคุยกับทางกัปตันที่รู้จัก cessna เป็นอย่างดี เล่าว่า ไอ้ปุ่มกดน่ะ สำหรับ test ส่วนเวลาบินจริง เป็น auto ครับ มันซุกอยู่ระหว่างลำตัวเครื่องกับหาง
และมันก็อยู่ที่นั่น
คำตอบ คือ มี และก็ไม่เก่าเกินสภาพ ที่จะต้องได้รับการบำรุงรักษาตามระยะทาง หากมันไม่ทำงาน คำถามนี้ BAC ต้องตอบ และหากนักบินทั้ง 2 ไม่ได้เสียชีวิต ในวันนั้น ผมว่า BAC ต้องตอบมากกว่า 2 คำถาม
ตัวอย่าง ELT ใน cessna ใช้อยู่ในปัจจุบัน ไม่ต่างกันนะครับ
และ อันที่ติดอยู่ในเครื่อง สภาพอยู่ในภาวะที่ดีเยี่ยม ตัวเครื่องปกป้องมันเป็นอย่างดี และไม่เสียหายแม้แต่น้อย น่าจะเป็นรุ่นเดียวกันซะด้วยนะครับ
ภาพนี้ถ่ายที่หางสวนกลับมาหา ELT คงนึกภาพออกนะครับ เมื่อเทียบกับภาพก่อนหน้านี้
เครื่องหายไปจากจอเรดาร์ เวลาประมาณ 10.39-10.40 น.
นาฬิกาที่เราพบเป็นของภาคิน หยุด ณ เวลา 10.42.25 เมื่อแคะดินออกแล้ว ความชัดเจนเพิ่มมากขึ้นมาอีก
คำ ตอบคือ ที่หายไปจากจอ เรดาร์ เวลา 10.39-10.40 ณ ความสูง 3000 ft มาหยุดที่พื้น เวลา 10.42.25 น. ใช้เวลา ราว 2 นาที ครึ่ง ณ ความสูงเหนือระดับน้ำทะเล เท่ากับ 575 เมตร หรือเท่ากับ 1,437.5 ft ระยะทาง ตกเท่ากับ 1,562.5 ft หรือประมาณ 630 เมตร
ผมว่าคงแรงเอาเรื่องนะ และตกด้วยท่าทางเช่นนี้หรือไม่ อันนี้ไม่ทราบครับ
แรง พอที่จะทำให้ ELT ทำงานเกิน 2 G แต่จะมากกว่านั้นหรือไม่ ดูได้จากใบพัดที่เพิ่งพบหลังสุด บิดเบี้ยว และจมลงดิน ทิ้งรอยยุบเอาไว้ พร้อมกับใบพัดที่หลุดติดไว้ที่ดิน ก่อนที่เครื่องจะกระดอนไถลพลิกคว่ำไปชนกับเนินนิดทางขวามือซ้ำอีกครั้ง
สรุป นะครับ เครื่อง กระแทกพื้นทางทิศใต้ของเครื่องที่จอดสงบหันหัวไปทางทิศเหนือ ในสภาพพลิกคว่ำ ใบพัดติดอยู่ที่จุดกระแทก 2nd impact ประมาณ ไม่เกิน 20-30 เมตร เป็นเหตุที่ทำให้ห้องโดยสาร หักพับขึ้น เครื่องน่าจะกระแทกพื้นด้วยท่าทางพลิกควำอยู่แล้ว
หากนักบินทั้ง 2 จะหลุดจากเครื่อง ผมว่าก็น่าจะเป็นบริเวณนี้
และหากดูจากความลึก และการทิ้งชิ้นส่วนซึ่งเป็นใบพัดจมดินไว้เช่นนี้
ผมว่าความแรง เกิน 2 G แน่นอนครับ ELT หากอยู่ในสภาวะปรกติ ต้องทำงานครับ
หลัง จากการขอคำปรึกษากับกัปตันประเสริฐ เจ้าของสนามบินกลางดง ทำให้ภาพปรากฏชัดเจนขึ้น เข้าใจมากขึ้น และปรับแนวคิดบางอย่าง ที่เกิดจากความไม่รู้ให้ถูกต้องมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการส่งสัญญาณ ของ ELT
หาก เครื่อง พลิกคว่ำ หลายตลบเช่นนี้ เสาอากาศของ ELT คงไม่มีอำนาจพอที่จะส่งสัญญาณบอกตัวเองเหมือนกันว่าอยู่ที่ไหน แบตเตอร์รีก็คงจะหมดไป หลังผ่านการทำงานหลายชั่วโมงต่อเนื่องกันนานๆ ต่อให้เครื่องตกกระแทกพื้นที่ความแรง เกิน 7 G ก็ตาม
นี่คือคำตอบในที่เกิดเหตุ
ดูได้จากบัตรนักบินที่พบ สภาพหักพับ คล้ายกับว่า เจ้าของบัตร อกกระแทกเข้ากับ ส่วนที่ใช้บังคับ บัตรนี้เป็นของ รณพ
ส่วนใบนี้ เจ้าของบัตรก็อย่างที่แสดง
การ ขุดหาร่างที่อาจติดอยู่ภายในเครื่อง ทำให้เราค้นพบ ชิ้นส่วนบางอย่างที่เชื่อว่าเป็นกระดูก ลึกลงไป 50 ซม. ได้มา 15 ชิ้น ส่งพิสูจน์ นิติเวช รพ.ตำรวจ
เห็นก็คงจะเดาออกนะครับ ว่าทำไม เราจะเข้าพื้นที่อีกครั้ง ในวันที่ 27 พย ที่จะถึงนี้ กลับมาแล้วจะเล่าให้ฟังต่อว่าเป็นอย่างไร
C U mr.prakancharoen
ฝน ตกมา 3 วัน ติดต่อกัน ทั้งในกรุงเทพ และที่ เจ็ดคต แก่งคอย สระบุรี เป็นการยากต่อการค้นหา การเดินเข้าไปยังจุดตก พอเป็นไปได้ครับ แม้ทางลื่น ตอนเดินขึ้นเนินต่อเนื่อง 1 กม เศษ แต่การค้นหาในจุดเกิดเหตุ และต้องขยาย วงกว้าง ออกไปเรื่อยๆ อาจทำได้ยาก ถึงยากมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ สภอ แก่งคอย กับทางศูนย์ศึกษาธรรมชาติ เชิงนิเวศ เจ็ดคต โดยหัวหน้าสมบัติ ตัดสินใจเลื่อนการค้นหาออกไปอย่างน้อย 3 วัน เชื่อว่า ฝนคงจะหยุด และพื้นแห้งพอให้เราเดินค้นหาได้ในวงกว้าง
ปาฏิหารย์ ไม่เกิดครับ ครอบครัว อยู่ที่นั่นตอนนี้
แพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ แถลงผล ดีเอ็นเอ ที่พบในป่าลึก เป็นของนักบินทั้งสองคน แน่นอน ญาติพอใจ เตรียมหาชิ้นส่วนเพิ่มอีก
พล.ต.ท. จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ8) โรงพยาบาลตำรวจ แถลงข่าวผลการพิสูจน์ดีเอ็นไอของ 2 นักบิน ที่ประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตก บริเวณโป่งก้อนเส้า อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เมื่อปี 2550 โดยระบุว่า
เจ้า หน้าที่พิสูจน์หลักฐานภูธรจังหวัดสระบุรี ได้ค้นพบชิ้นส่วนกระดูก ใกล้เคียงจุดที่พบซากเครื่องบิน และได้นำส่งให้สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อทำการตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล ว่าเป็นของ นายภาคิน ไทยถนอม และ นายรณพ เหลืองวิลาวัณย์ 2 นักบินที่หายไปหรือไม่
ซึ่งจากการ ตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ พบว่า สามารถแยกกระดูกออกมาได้ 7 ชิ้น โดย 6 ชิ้น สามารถยืนยันได้ว่า เป็นของ นายรณพ ส่วน 1 ชิ้น เป็นของ นายภาคิน อย่างแน่นอน เนื่องจากดีเอ็นเอ ที่ได้เข้ากันกับบิดา มารดา ของทั้ง 2
ขณะ ที่ บิดา มารดาของ นายรณพ กล่าวว่า ไม่ติดใจและสงสัยในผลการตรวจ โดยเตรียมนำกระดูกที่ได้ไปบำเพ็ญกุศลต่อไป แต่จะเป็นวันเวลาใดนั้น ต้องรอความพร้อมจากทางญาติก่อน รวมไปถึงเชื่อว่ายังมีชิ้นส่วนของลูกชายหลงเหลืออยู่บริเวณจุดเกิดเหตุอีก ซึ่งหากเป็นไปได้ อยากเข้าไปทำการค้นหาเพิ่มเติมอีกครั้ง
ส่วนญาติของ นายภาคิน ระบุว่า ดีใจที่พบชิ้นส่วนของ นายภาคิน แม้จะมีเพียงชิ้นเดียวก็ตาม ซึ่งทางญาติก็ยอมรับในผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ แต่ทั้งนี้ หากพบชิ้นส่วนเพิ่มอีก ก็จะดีใจมาก
แต่สำหรับผม การค้นหาส่วนที่เหลือ คงทำต่อครับ แต่จะพบอีกหรือไม่ รอฝนหยุดตก สัก 3 วัน จะกลับเข้าไปอีกครั้ง
เท่าที่ทราบ ทั้งสอง กลับบ้านแล้วครับ
หลังจาก ไม่มี sign อะไรมาตลอด 5 ปี
ในระหว่างรอการเข้าพื้นที่ ซึ่งก็คงเลื่อนไปเรื่อยๆ จนกว่า ฝนจะหยุด เก็บรายละเอียดพื้นที่ไปเรื่อยๆก็แล้วกัน ว่าเราเจออะไรบ้าง
กลุ่มนี้เป็นของ รณพ
กระเป๋าของภาคิน
กระเป๋าของภาคิน วางอยู่บนพื้น แต่เครื่องบินทั้งลำ ทับอยู่ สภาพ เลยยังดูครบถ้วนเช่นนี้
แผนที่การบินประจำเครื่อง สภาพก็อย่างที่เห็นหลังจากผ่านน้ำผ่านฝนมานาน
การ์ดห้องพักของภาคิน
โทรศัพท์ของรณพ เบอร์ที่โทรติดเข้าเครื่องนี้
หลังกล้องช่อง 7 อันตรายจริงๆ
แล้วทั้งหมดก็ถูกกองรวมกัน
เราไม่ได้สนใจซากเครื่องที่กองอยู่ ณ เบื้องหน้า ที่เก็บเอาอดีตของการเดินทางค้นหาตลอด 5 ปี 3 เดือน
เป้าหมายใหญ่ พบแล้ว เหลือก็คือเป้าหมายหลัก ที่ผมเชื่อว่า เรายังไม่พบ และจะต้องหาให้เจอ หากจะต้องเข้าออกอีกกี่ครั้งก็ตาม
เราหามาทั้ง 5 ปีเศษ เมื่อพบซากเครื่องแล้ว เหตุใดจะทำให้เราหยุดได้ ในเมื่อ ร่างต่างหากที่เราตามหา และยังไม่พบ
ขอบคุณภาพข่าวจากไทยรัฐ
2 ครอบครัว
thai TV3 Sky Report
หัวหน้าและเจ้าหน้าที่ศูนย์ เจ็ดคต
และ อีกหลายๆ ภาคส่วน ที่อยู่ถัดออกไป ในช่วงหลายๆปีมานี้ ทำงานร่วมกัน เข้ามาช่วยกันค้นหา มาช่วยเป็นกำลังใจ ให้อย่ายอมแพ้ แม้จะเกือบจะหมดแรงไปหลายต่อหลายหน
แต่ก็นั่นแหละ ที่ว่า ตราบใดที่ ยังไม่หยุด โอกาสก็ย่อมไม่หมด
ขอบคุณครับ
สมนึก ปราการเจริญ
เจติยา เหลืองวิลาวัณย์
3 dec 2012
7.30 am.
ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและท่องเที่ยว เชิงนิเวศเจ็ดคด - โป่งก้อนเส้า ประมาณ 20 นาย
1 เจ้าหน้าที่ศูนย์
2 ป่าไม้เขาใหญ่
3 กู้ภัย ปอเต๊กตึ๊ง
4 เจ้าหน้าที่ สวนป่าสัมประทาน
5 เจ้าหน้าที่ตำรวจ
6 ญาติ
พรุ่งนี้เช้า เราจะเข้าป่ากันอีกครั้ง เราต้องการร่างที่เหลือ เพื่อนำกลับมาทำพิธีทางศาสนา
ซึ่งครอบครัวของ ภาคิน จะเริ่มสวดและทำบุญในระหว่างวันที่ 6-9 ธค.นี้ที่วัดพระศรีฯ บางเขน
ส่วนครอบครัว รณพ เริ่ม 9- 14 เว้นวันที่ 10 ณ วัดเดียวกัน
วันที่ 3 ธันวาคม เราเดินทางเข้าพื้นที่อีกครั้ง ความหวังของเรา คือ ต้องการหาชิ้นส่วนของร่างการที่ยังหาไม่พบ
เราออกเดินทางแต่เช้า ผ่านเข้าไร่ และเดินทางด้วย 4x4 เท่านั้น
ครั้งนี้ เราเข้าพื้นที่เพียง 19 คน กัปตันประเสริฐ ปรุงคนานนท์ เจ้าของสนามบินกลางดง เข้าพิสูจน์พื้นที่ด้วย
เจ้าหน้าที่มูลนิธิ ปอเต็กตึ๊ง แก่งคอย 8 นาย
เจ้าหน้าที่ศูนย์ 7 คต
และ ญาติอย่างเรา อีก 3 คน
ผ่านทางที่คุ้นเคย สำหรับผม ครั้งนี้ หนที่ 3 แบกความหวังไว้เต็มบ่า ว่าจะพาหลานกลับบ้านให้ได้
เวลา 50 นาที เร็วกว่า ทุกๆครั้งที่เดินทางเข้าพื้นที่ แต่กลับออกอาการหมดแรง เอาดื้อๆ แต่ก็ถึงเป้าหมาย ตามเวลา
สภาพของใบพัด ในวันที่ไม่มีผู้คนในพื้นที่มากนัก เราเห็นสภาพพื้นที่กว้าง และ พิจารณาการค้นหา อย่าง ที่อยากทำ
การเดินทางค้นพื้นที่ แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วน 1 ค้นหาชิ้นส่วนที่เหลือ ในบริเวณที่เครื่องสงบนิ่งอยู่
อีกส่วน รวมทั้งผมด้วย เดินรอบเป็นวงกลม หลายๆวง ต่างระยะ สงสัยตรงไหน ลงตรงนั้น
พื้นที่โล่ง ต้นไม้สูง ทำให้ไม้เลื้อยใต้ไม้ใหญ่ มีน้อย และมองเห็นสภาพกว้างได้ง่าย
มองต่ำ และมองสูง
ล่างโล่ง และอยากจะเดินไปในทิศไหน ก็ทำได้ทันที เมื่อเทียบกับป่าโปร่ง ที่พื้นล่างจะรก
แล้วเราก็กลับมาที่เครื่อง หลังจากสภาพรอบนอก ไม่บงชี้เลยว่าเคยมีอะไรหลุดไปถึงภายนอก
เราเริ่มขุดพา ในพื้นที่ๆยังไม่ได้ขุด
ซิป 3 ชุด ........ ?
ป้ายติดแขน และหน้าอก อีก 3 ชิ้น........ ?
ปีก ที่ชนเข้ากับกิ่งไม้ ถึง 2 ตำแหน่ง
ต้นไม้หัก ทิ้งตัวอยู่หลังปีก
แล้วเราก็กลับออกมา พร้อมกับชิ้นส่วนของร่างกายที่ดูเป็นกระดูก กลับมา 1 ชิ้น
cessna 172 ที่เราตามหามา 5 ปี 3 เดือน เราหาพบแล้ว
เหลือก็แต่ร่างของ 2 หลานนักบิน ที่เราได้เขากลับมาเพียงเล็กน้อย
ผมไม่เคยรู้สึกคุ้นเคยกับ หลาน รณพ มากเท่านี้มาก่อน นับตั้งแต่เข้าร่วมเป็นสมาชิกคนนึงของครอบครัวเหลืองวิลาวัณย์
ผมรู้สึกสนิทสนมกับ รณพ มากเป็นพิเศษ เอาก็ตอนที่ผม ตามหา รณพ ตลอด 5 ปีเศษ
แม้จะไม่ได้เห็นหาพบตัวกันเลย เหมือนกับ ภาคิน ที่ไม่เคยแม้แต่เห็นกันแม้สักครั้ง กลับรู้สึก คุ้นเคยกันอย่างไม่น่าเชื่อ
ทั้ง สอง ทิ้งร่างลงกลับคืนสู่พื้นดิน เหลือไว้ซึ่งความทรงจำ และเรื่องราวตลอดเวลาที่ผ่านมา ให้ผู้คนทั้งประเทศที่แม้ไม่รู้จักทั้ง 2 คน กลับสนิทสนมกับเขาทั้ง 2 ไปด้วยเช่นกัน
วันนี้ ผมรู้สึกใจหายที่ เราจะต้องจากกันจริงๆ ครั้งนี้ ผมรู้สึกเช่นนั้น
ดีใจที่ได้พบ และจากกัน
card งานของ รณพ ที่วัด พระศรีฯ บางเขน งานจัดถึงวันที่ 15 ธันวาคม นี้ครับ ศาลา 13
สะดวก ก็เรียนเชิญนะครับ ครอบครัวเหลืองวิลาวัณย์ เป็นเจ้าภาพวันสุดท้ายครับ
กระผม เจ้าของ Blog ไม่สามารถไปร่วมงานศพได้ ตอนแรกได้ยินทางญาติแว่วๆว่าอาจจะจัดที่วัดหมูสี ปากช่อง ซึ่งผมไปได้แน่นอน แต่เปลี่ยนเป็นวัดที่กรุงเทพฯ (คงเพราะต้องสานฝันพานักบินกลับสนามบินดอนเมือง และพิสูจน์ DNA)
ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวนักบินทั้งสองมา ณ ที่นี้ และขอส่งพวงหรีดออนไลน์ให้กับนักบินทั้งสองนะครับ