ย้อนรอยเหตุการณ์ระเบิดเมืองหลวงยุค‘บิ๊กตู่’ จากทางเดินเชื่อมสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม ห้างพารากอน-ศาลอาญา บึมราชประสงค์ล่าสุดครั้งที่ 3 จนท.จับกุมผู้ลงมือได้ครั้งเดียว
หากนับเหตุการณ์ระเบิดบริเวณยี่แสกราชประสงค์ กลางใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ช่วงเวลาหนึ่งทุ่ม วันที่ 17 ส.ค.58 ที่เกิดในกรุงเทพฯและมีเสียชีวิตเบื้องต้น 16 ราย และบาดเจ็บ 80 สิบราย ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สาม หลังจากรัฐประหาร 22 พ.ค.57
ครั้งแรก 1 ก.พ.58 เกิดเหตุระเบิดบริเวณทางเดินเชื่อมระหว่างสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม หน้าห้างสรรพสินค้าพารากอน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับบุคคล 2 คนตามภาพวงจรปิดที่จับภาพได้ เป็นชายไทย อายุประมาณ 30 ปี หน้าตาดี ซึ่งตำรวจรู้ตัวแล้ว และอยู่ระหว่างติดตามตัว พร้อมระบุ จากการสืบสวนค่อนข้างมั่นใจว่า ทั้งสองคนเป็นผู้ก่อเหตุ เนื่องจากกล้องวงจรปิดจับภาพได้ค่อนข้างชัด
ครั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ขณะนั้นกล่าวว่า สำหรับเป้าหมายในการก่อเหตุครั้งนั้น ยังพุ่งเป้าไปที่การเมือง เนื่องจากที่ผ่านมา การลอบวางระเบิดส่วนใหญ่ ร้อยละ 80 เป็นการสร้างสถานการณ์ทางการเมือง ส่วนกรณีที่คนร้ายเลือกวางระเบิดที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ซึ่งเป็นห้างใหญ่ในกลางเมืองนั้น เชื่อว่า หวังผลหลายอย่างรวมทั้งต้องการท้าทายเจ้าหน้าที่ด้วย อย่างไรก็ตาม เหตุระเบิดดังกล่าว มีความคล้ายคลึงกับระเบิดที่ สมานเมตตาแมนชั่น และที่มีนบุรี เชื่อว่า ผู้ผลิตระเบิดเป็นมืออาชีพน่าจะเคยก่อเหตุมาแล้ว
ครั้งที่สอง 7 มี.ค.58 มีเหตุการณ์ปาระเบิดถล่มศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก มีข้อมูลระบุว่าบุคคลถูกออกหมายจับ ควบคุมตัว และยังหลบหนี รวม 17 คน ประกอบด้วย
1.นายมนูญ ชัยชนะ หรือ อเนก ซานฟราน ผู้จ้างวาน /ผู้ต้องหาความผิดตามมาตรา 112 ที่จ.อยุธยา และฝ่าฝืนคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 49/255 **หลบหนีอยู่ต่างประเทศ
2.นางสุภาพร มิตรอารักษ์ หรือ"เดียร์" ผู้จ้างวานให้ปาระเบิด/คดีครอบครองวัตถุระเบิด(บก.ป.)**จับกุมแล้ว
3.นางวาสนา บุษดี ผู้รับคำสั่งจากนางเดียร์ให้โอนเงินค่าจ้างจำนวน10,000 บาท ให้กับกลุ่มผู้ต้องหาที่ลงมือก่อเหตุ **จับกุมแล้ว
4.นายมหาหิน ขุนทอง ผู้ก่อเหตุทำหน้าที่ขับขี่ จยย.**จับกุมแล้ว
5.นายยุทธนา เย็นภิญโญ ผู้ก่อเหตุนั่งซ้อนท้าย จยย. / ปาระเบิด **จับกุมแล้ว
6.นางสาวณัฏฐพัชร์ อ่อนมิ่ง ผู้เข้าร่วมประชุม/รู้เห็นการปาระเบิด **จับกุมแล้ว
7.นางสาวธัชพรรณ ปกครอง ผู้รู้เห็นเหตุการณ์ **จับกุมแล้ว
8.นายนรภัทร เหลือผล หรือบาส ผู้ร่วมประชุมวางแผน **จับกุมแล้ว
9.นายเจษฎาพงษ์ วัฒนพรชัยสิริ หรือเจต ผู้ร่วมประชุมวางแผน**จับกุมแล้ว
10.นายสรรเสริญ ศรีอุ่นเรือน หรือสัน ผู้ร่วมประชุมวางแผน/วิทยากร **จับกุมแล้ว
11.นายชาญวิทย์ จริยานุกูล ผู้ร่วมประชุมวางแผน/วิทยากร **จับกุมแล้ว
12.นายวิชัย อยู่สุข หรือตั้ม ผู้ร่วมประชุมวางแผน **จับกุมแล้ว
13.นายณเรศ อินทรโสภา เจ้าของสถานที่ประชุมวางแผน สถานที่ร้านหมูปิ้งนมสด จ.ขอนแก่น**จับกุมแล้ว
14.นายวิระศักดิ์ โตวังจร หรือบิ๊ก หรือใหญ่ พัทยา ผู้ร่วมประชุมวางแผน /จัดหาระเบิด **หลบหนี
15.นายวสุ เอี่ยมลออ ผู้รับโอนเงิน /ก่อนเกิดเหตุโอนเงินให้ 5 หมื่นบาท/หลังเกิดเหตุ โอนเงินให้ 5 หมื่นบาท **จับกุมแล้ว
16.น.ส.ณัฎฐธิดา มีวังปา หรือแหวน พยานปากสำคัญคดียิง 6 ศพในวัดปทุมวนาราม จากเหตุการณ์สลายการชุมนุมปี 53 /ผู้ติดต่อจัดหาคนวางระเบิดครั้งแรก **จับกุมแล้ว
17.นายสุรพล เอี่ยมสุวรรณ ผู้รับงานก่อเหตุวางระเบิดในครั้งแรกแต่ทำไม่สำเร็จ **จับกุมแล้ว
สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 17 คน ถูกจับกุมได้แล้ว 15 คน ยังหลบหนีอยู่ 2 คนคือนายเอนก ซานฟราน ซึ่งหลบหนีอยู่ต่างประเทศ และนายวิระศักดิ์ โตวังจร หรือใหญ่ พัทยา ยังหลบหนีอยู่ในประเทศ
กลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกแจ้งความผิด 7 ข้อหา ขณะนี้มีทั้งหมด 9 คน คือนายมหาหิน ,นายยุทธนา ,นางสาวณัฏฐพัชร์ ,นางสาวธัชพรรณ ,นายสรรเสริญ ,นายชาญวิทย์ ,นายวิชัย ,นายณเรศ ,นายวสุและนายสุรพล อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่อาจมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติม หากการสอบสวนพบมีความเชื่อมโยงในฐานความผิดอื่นๆ โดยทั้ง 7 ข้อหาประกอบด้วย
1.ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
2.กระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์ของผู้อื่น
3.มีและใช้กระสุนปืนสงคราม
4.มีและใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน
5.พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านและสาธารณะโดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์
6.มียุทธภัณฑ์ทางทหารไว้ในครอบครองไว้โดยไม่ได้รับอนุญาต
7.ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือชุมชน รวมถึงฝ่าฝืนคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 50/2557
ทั้งนี้มีผู้ต้องหาในกลุ่มเดียวกันนี้ 6 คน ที่ถูกแจ้งข้อหาเพิ่ม ในข้อหาก่อการร้าย อั้งยี่ซ่องโจร ซึ่งเป็นข้อหาที่ 8 ประกอบด้วย
1.นายมนูญ ชัยชนะ หรือ เอนก ซานฟราน2.นางสุภาพร มิตรอารักษ์ หรือเดียร์3.นางวาสนา บุษดี
4.นายนรภัทร เหลือผล หรือบาส5.นายเจษฎาพงษ์ วัฒนพรชัยสิริ หรือเจต 6.นางสาวณัฎฐธิดา มีวังปา หรือแหวน
ขณะเดียวกันนายเอนก ยังมีข้อหาตามความผิดมาตรา 112 รวมถึงข้อหาจ้างวานใช้กระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินผู้อื่น ทำให้ถูกแจ้งความผิดรวม 10 ข้อหา
ขณะที่นางสุภาพร ถูกแจ้งข้อหาจ้างวานใช้กระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินผู้อื่น ทำให้ถูกแจ้งความผิด 9 ข้อหา และในส่วนนางสาวณัฎฐธิดา )ถูกทหารพระธรรมนูญแจ้งเอาผิดเพิ่มเติมใน มาตรา 112
สรุปได้ว่าเกิดเหตุในกรุงเทพฯ 2 ครั้งเจ้าหน้าที่จับผู้ลงมือได้ครั้งเดียว ไม่รวมเกิดเหตุระเบิดที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อ 10 เม.ย.58 และยังจับกุมคนร้ายไม่ได้
มาถึงเหตุการณ์ใหญ่ใจกลางเมืองครั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก เกิดผลกระทบทั้งภายในและต่างประเทศ เจ้าหน้าที่จะจับกุมผู้ลงมือได้หรือไม่?ต้องดูกันต่อไป