ศัลยกรรมเสริมความงาม คือ วิธีการหนึ่งที่ช่วยลบความบกพร่องทางร่างกายของคุณได้ เปลี่ยนโฉมให้คุณเป็นคนใหม่อย่างที่ใจปรารถนา และ การศัลยกรรมก็มีหลายแบบมาก
คุณสามารถปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้เลย อย่างเช่น คนที่มีปัญหาไขมันใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหย่อนคล้อย เกิดปัญหาผิวเปลือกส้ม อยากทำให้กระชับ ผอมลง การดูดไขมัน คือทางออกที่ดีที่สุด และ ถึงแม้ว่าวิธีนี้จะใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน แต่การเรียนรู้ที่จะดูแลตัวเองหลัง การดูดไขมัน ก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้แผลหายไว ลดภาวะแทรกซ้อนลงได้
เครดิต: https://shopee.co.th/-E-voucher-PinyadaClinic ? -โปรโมชั่น-ดูดไขมันเหมาหน้าท้อง-กำจัดไขมันหนักๆ-ในราคาไม่แรง-?-i.180697517.3504665362
การดูแลตนเองหลัง การดูดไขมัน ทำอย่างไรได้บ้าง
ไม่ว่าจะเป็นการศัลยกรรมเล็ก หรือ ใหญ่ สิ่งสำคัญที่ทำให้แผลของคุณหายไว และ ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น นั่นคือ การดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัดตามคำแนะนำของแพทย์ และ ในวันนี้เราจะมาพูดถึงการดูแลตัวเองหลังจาก การดูดไขมัน เพื่อให้คุณปฏิบัติตัวได้อย่างถูกต้อง
- ให้ทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ส่วนใหญ่แพทย์จะให้ยาฆ่าเชื้อ ยาลดบวม โดยจะต้องทานยาปฏิชีวนะเหล่านี้อย่างต่อเนื่องจนหมด และให้ทานยาแก้ปวด ยาลดบวม เมื่อมีอาการปวดบวมเกิดขึ้น
- หากคุณดูดไขมันที่ขา คุณควรเดินบ้าง ป้องกันก้อนเลือดอุดตัน แต่ถ้าเป็นส่วนอื่น ๆ อาจจะต้องสอบถามวิธีการปฏิบัติจากแพทย์ เพื่อให้คุณสามารถทำกิจกรรมและดูแลตนเองได้อย่างถูกต้อง
- คุณจะต้องทำความสะอาดแผลทุกวันจนกว่าจะตัดไหม หลังการดูดไขมัน แพทย์จะทำการเย็บปิดปากแผลไว้ก่อน และคุจะต้องทำความสะอาดแผลเองจนกว่าจะตัดไหม โดยปกติแล้วจะต้องทำความสะอาดแผลเป็นระยะเวลา 5-7 วัน
- หลังจากการดูดไขมันแล้ว เมื่อกลับมาฟักฟื้นที่บ้าน คุณจะต้องดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร เพราะว่าการดูดไขมันนั้น แพทย์จะใส่ยาชาเข้าไปด้วย หากดื่มน้ำไม่เพียงพอ อาจทำให้เกิดการเวียนศีรษะ คลื่นไส้ได้ การดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยล้างพิษของขับพิษของยาชาออกมาทางปัสสาวะได้ และอาการเวียนศีรษะนี้จะหายไปภายใน 1 วัน หลังจากการดูดไขมัน
- คุณต้องระวังเรื่องอาหารการกินด้วย เพราะอาจส่งผลกับแผลของคุณได้ สำหรับใครที่ชอบทานอาหารดิบ กึ่งสุกกึ่งดิบ อาหารหมักดอง อาหารทะเล เพราะอาจมีเชื้อโรคเจือปนอยู่ อาจทำให้แผลของคุณติดเชื้อได้ ทำให้แผลหายยาก และ อาจจะต้องทำการรักษาแผล เย็บแผลกันใหม่อีก เพราะฉะนั้นคุณจะต้องงดทานของพวกนี้เป็นเวลา 1 เดือน และที่สำคัญควรงดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ด้วย เพราะจะยิ่งทำให้แผลหายช้ายิ่งกว่าเดิม
- ไม่ควรทานอาหารเสริม หรือ ยาต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด อย่างเช่น ยาแอสไพริน หรืออาหารเสริมพวก น้ำมันตับปลา แปะก๊วย หรือ โสม เพราะอาจทำให้เลือดแข็งตัวช้าได้ ทำให้แผลหายช้า เพราะฉะนั้นควรงดอาหารเสริมหรือยาเหล่านี้เป็นเวลา 2 สัปดาห์
- อย่าให้แผลโดนน้ำเด็ดขาด เพราะถ้าโดนน้ำ อาจทำให้แผลชื้น ไม่ติดกัน เกิดการติดเชื้อได้ คุณจะต้องเลี่ยงการอาบน้ำ แต่ให้ใช้การเช็ดตัวแทน โดยจะต้องใช้พลาสเตอร์กันน้ำปิดที่แผลไว้ด้วย
- การดูดไขมัน จะทำให้เกิดช่องว่างใต้ผิวมากขึ้น แพทย์จึงให้คุณสวมใส่ชุดกระชับ ซึ่งระยะเวลาในการสวมใส่นั้นให้เป็นไปตามคำแนะนำของแพทย์ ในช่วงเดือนแรก คุณอาจจะต้องใส่ชุดกระชับทั้งวัน เวลาจะอาบน้ำค่อยถอด พอ 2-3 เดือนก็ให้ลดช่วงเวลาที่คุณจะต้องใส่ชุดกระชับลง เหลือแค่วันละ 12 ชั่วโมงก็พอ โดยระยะเวลาในการใส่ชุดกระชับจะขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ด้วย ขอให้คุณทำตามที่แพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด
- หากคุณต้องการการออกกำลังกาย หลังจากการดูดไขมัน 2 สัปดาห์ คุณสามารถเริ่มออกกำลังกายแบบเบา ๆ ได้ แต่ถ้าอยากออกกำลังกายแบบเต็มรูปแบบให้ออกได้ใน 1 เดือนหลังจากดูดไขมันแล้ว
- หากคุณมีข้อสงสัย คุณสามารถสอบถามจากแพทย์ได้ตลอดเวลา เพื่อให้คุณสามารถดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้อง หากเกิดอาการผิดปกติ แผลเลือดออก ปวด บวมช้ำมาก คุณควรกลับไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยต่อไป
- คุณไม่ควรกังวลในเรื่องการดูดไขมันมากเกินไป เพราะถ้าคุณมั่นใจว่าคุณเลือกร้าน หรือ คลินิกให้ดีแล้ว คุณก็ไม่ต้องกังวลเลย เพียงแต่วาต้องศึกษารายละเอียดและทำตามที่แพทย์บอกอย่างเคร่งครัด คุณก็สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้ว และ คราวนี้ คุณก็ต้องควบคุมอาหาร และ ออกกำลังกายด้วย อย่าปล่อยให้ตัวเองอ้วน เพราะถ้าปล่อยก็ต้องมานั่งลดความอ้วนกันอีก
ทั้งหมด คือ การดูแลตัวเองหลังจาก การดูดไขมัน เพื่อให้ร่างกายของคุณฟื้นตัวเร็วขึ้น และ ทำให้คุณดำเนินชีวิตได้ตามปกติได้ไวขึ้น อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญ คือ การเลือกร้านในการดูดไขมัน คุณจะต้องเลือกร้านที่มีคุณภาพมาตรฐาน แพทย์มีความเชี่ยวชาญ มีใบประกอบวิชาชีพ และ ต้องมีประสบการณ์ในการดูดไขมันด้วย แต่อย่างไรก็ตาม คุณจะต้องศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ให้ดีก่อนการทำศัลยกรรมต่าง ๆ ว่าคุณนั้นมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์พอที่จะทำหรือไม่ และ มีโรคประจำตัวอะไรหรือเปล่า ถ้ามีความผิดปกติในร่างกาย คุณจะต้องแจ้งให้แพทย์ทราบด้วย เพื่อให้ การดูดไขมัน มีความปลอดภัย