แพทย์แผนไทย โคราช รักษาโรค SLE ไขความลับวิธีรักษาโรคแพ้ภูมิตัวเองหรือโรคพุ่มพวง ( SLE)
รถตู้ให้เช่า ร้อยเอ็ด
หมอเอ ณัฐปราชญ์ คลินิก

หลายคนที่มีรถยนต์ส่วนตัวอาจกำลังเจอกับโจทย์ใหญ่ในปี 2025 จะทำประกันรถแบบไหนให้คุ้มที่สุด? เพราะค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันสูงขึ้นทุกปี ทำให้หลายคนไม่อยากแบกเบี้ยประกันเต็มราคาเหมือน ประกันชั้น 1 แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่อยากลดความคุ้มครองจนเหลือเพียง ชั้น 2 หรือ ชั้น 3 ที่ดูไม่มั่นใจเมื่อต้องขับขี่บนถนนจริง คำตอบที่กำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่คือประกันชั้น 2+ 

 ทำไมประกันชั้น 2+ ถึงตอบโจทย์มากกว่าที่คิด ?

ถ้าเปรียบเทียบง่าย ๆ ประกันชั้น 2+ ก็เหมือนอยู่กึ่งกลางระหว่างชั้น 1 และชั้น 2 โดยให้ความคุ้มครองครอบคลุมอุบัติเหตุที่เกิดจากการชนกับรถยนต์ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายผิดหรือถูก ขณะเดียวกันเบี้ยประกันก็ต่ำกว่าชั้น 1 อย่างเห็นได้ชัด

จุดที่ทำให้คนหันมาเลือกชั้น 2+ คือความ “สมดุล” เพราะเจ้าของรถทั่วไปไม่ได้อยากจ่ายเบี้ยสูง ๆ หากรถมีอายุการใช้งานแล้ว แต่ก็ยังอยากได้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากกว่าแค่ไฟไหม้หรือโจรกรรมแบบชั้น 2 ปกติ

ลองนึกภาพว่า รถคุณอายุเกิน 5 ปีแล้ว จะจ่ายเบี้ยชั้น 1 ปีละเกือบ 20,000 ก็อาจไม่คุ้ม แต่ถ้าเลือกประกันชั้น 2+  เบี้ยอาจลดลงครึ่งหนึ่ง แถมยังอุ่นใจเวลาเกิดเหตุชนกับรถคันอื่น

เทรนด์ใหม่ปี 2025 “คนใช้รถมองหาความคุ้มค่า ไม่ใช่แค่ราคาถูก”

ข้อมูลจากหลายโบรกเกอร์ในปี 2025 ชี้ให้เห็นว่าเจ้าของรถจำนวนมากเริ่มหันมาใช้ประกันชั้น 2+ เพราะมองว่ามันตอบโจทย์การใช้รถจริงบนถนนเมืองไทย ซึ่งการ “ชนกับรถยนต์ด้วยกัน” คืออุบัติเหตุที่พบบ่อยที่สุด

ที่น่าสนใจคือ หลายบริษัทประกันยังออกแพ็กเกจเสริมให้เลือก เช่น การขยายความคุ้มครองกรณีน้ำท่วมหรือภัยธรรมชาติ ซึ่งสอดคล้องกับสภาพอากาศสุดโต่งในบ้านเรา ยิ่งทำให้ชั้น 2+ กลายเป็นตัวเลือกที่ดู “คุ้มในระยะยาว” ไม่ใช่แค่ถูกกว่าในปีเดียว

เคล็ดลับเลือกประกันชั้น 2+ ให้เหมาะกับรถและคนขับ

แม้ชื่อจะเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ว่าประกันชั้น 2+ ของทุกบริษัทจะเหมือนกันทั้งหมด ฉะนั้น การมองหาแผนประกันที่ใช่ จึงควรอยู่บนพื้นฐานการตรวจสอบปัจจัยและเงื่อนไขก่อนตัดสินใจบางประการ อาทิ

  • วงเงินคุ้มครองคู่กรณี: ควรดูว่าครอบคลุมค่าเสียหายต่อทรัพย์สินและชีวิตมากพอหรือไม่
  • เงื่อนไขความเสียหายของรถตัวเอง: บางแพ็กเกจกำหนดว่าต้องมีคู่กรณีและสามารถระบุทะเบียนได้ จึงจะได้รับความคุ้มครอง
  • บริการเสริม: เช่น บริการลากรถ 24 ชั่วโมง หรือรถสำรองใช้ระหว่างซ่อม ซึ่งเพิ่มความสะดวกในชีวิตประจำวัน
  • ความเชื่อถือของอู่ซ่อม: เลือกบริษัทที่มีเครือข่ายอู่มาตรฐานรองรับ ไม่เช่นนั้นอาจได้งานซ่อมที่ไม่คุ้มค่าแม้เบี้ยจะถูก

การเลือกแพ็กเกจที่เหมาะสมจะทำให้ประกันชั้น 2+ ไม่ใช่แค่ “ของถูก” แต่กลายเป็นเกราะป้องกันที่ทำให้ใช้รถอย่างสบายใจ

ทำไมประกันชั้น 2+ ถึงเป็นตัวเลือกที่คนใช้รถไม่ควรพลาด ?

ในยุคที่ทุกคนอยากประหยัดแต่ก็ยังต้องการความปลอดภัย ประกันชั้น 2+ จึงกลายเป็นคำตอบกลางที่สมดุลที่สุด เหมาะกับรถที่มีอายุใช้งานมาหลายปี เจ้าของรถที่ไม่อยากจ่ายเบี้ยสูงแบบชั้น 1 แต่ก็ไม่อยากเสี่ยงกับความคุ้มครองที่จำกัดเกินไป

ปี 2025 นี้ หากคุณกำลังคิดต่อประกันรถ ลองหยุดชั่งน้ำหนักดูว่า ความคุ้มครองที่ได้กับเงินที่จ่ายนั้นเหมาะสมหรือไม่ แล้วคุณอาจพบว่าประกันชั้น 2+ คือ “ทางสายกลางที่คุ้มจริง” ไม่ใช่แค่ประหยัด แต่ยังช่วยให้ทุกการขับขี่มั่นใจมากขึ้นกว่าที่เคย

Go to top