นักเขียนสาวสวยจากเมืองเหนือ กับเรื่องที่ผู้หญิงอยากจะบอกให้ผู้ชายได้รู้ว่า .. จริงๆแล้ว ผู้หญิงน่ะ รู้ทันหนุ่มๆเสมอนะค่ะ
.. แพนด้าสวย ณ อำเภอปาย
=====================================================
“ความซื่อสัตย์กับการจับผิดตัวพ่อ!”
ถ้าจัดอันดับสิ่งที่ทำได้ยากที่สุดในโลกแล้วล่ะก็ ผู้เขียนคิดว่าการทำให้ผู้ชายซื่อสัตย์ตรงไปตรงมากับคนรักนี่ คงจะได้อันดับหนึ่งมาครองชนิดที่ทิ้งรายการอื่นแบบไม่เห็นฝุ่นเลยเชียวล่ะ ไม่สิ! อาจจะเป็นสิ่งที่ยากที่สุดในจักรวาลเลยก็เป็นได้ หากท่านหญิงคนไหนคิดจะเถียงแทนแฟนหรือคุณสามี ว่าไม่จริ๊งงงง ไม่จริง เค้าออกจะจงรักภักดี ขอแนะนำให้ลูบๆ คลำๆ บนหัวของตัวเองดูซะก่อน ดูดีๆ ซิ เขาง่ะงอกไปถึงดาวอังคารแล้วหรือยัง? ถ้าจับๆ แล้ว “เออว่ะ มีจริงๆด้วย” ก็ต้องขอปรบมือให้ค่ะ เพราะตอนนี้เขาบนหัวคุณมันลดลงมาครึ่งหนึ่งแล้ว แต่ถ้ายังเถียงข้างๆ คูๆ ว่าไม่มี๊ ไม่มี ก็บอกเลยละกันว่าคุณสามารถใช้ “เขา” ของคุณเดินทางจากกาแลคซี่นี้ไปยังกาแลคซี่ถัดไปได้เลย (แหม...หน้ามืดตามัวกันซะจริ๊งงง)
นี่แหละที่เค้าว่ากันว่า ผู้ชายนอกใจเป็นสาเหตุของการหย่าร้างน้อยกว่าผู้หญิงนอกใจ นั่นก็เพราะผู้หญิงมักให้อภัยด้วยความรักเสมอ หรือแปลอีกอย่างตามภาษาบ้านๆ ก็ใจอ่อนนั่นแหละค่ะ ก็บรรดาเจ้ามนุษย์มีหงอนทุกคนรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ถูกจับได้ เค้าจะต้องรีบหาข้อแก้ตัวทันที หากมีพฤติกรรมพูดไปกระตุกยิ้มไปและเริ่มต้นประโยคด้วยคำว่า “อะไรนะ?” หรือ “พูดเรื่องอะไร?” แสดงว่ามีแววแล้วล่ะที่ข้อมูลที่คุณได้จะเป็นเรื่องจริง ยิ่งถ้าหลบสายตาของคุณ ไม่กล้ามองตาคุณเกินกว่า 60 วินาที ลักษณะท่าทางไม่อยู่นิ่งหรือจู่ๆ ก็โมโหกลบเกลื่อนขึ้นมา นั่นแหละ...ใช่เลย! เมื่อคุณจับไต๋ได้และถ้าเค้ามองไม่เห็นทางรอด สมองของเค้าจะถูกสั่งการให้ทำหน้าตาสำนึกผิด เกร็ดเลือดจะผลิตสารตอแหลไดร์ออกไซร์ออกมาอัตโนมัติ และจะส่งสารตัวนี้ไปยังสมองเพื่อกระตุ้นให้เกิดการคิดค้นและประมวลผลออกมาเป็นคำพูด เป็นการง้อประกอบกับการแก้ตัว มันจะทำปฎิกิริยากับเพศหญิงโดยเฉพาะ แต่การกระทำนั้นมีขอบเขต อย่าคิดว่าเค้าจะทุ่มสุดตัวทุ่มสุดใจง้อคุณทุกครั้งที่เขาเป็นฝ่ายผิด เพราะแต่ละครั้งมันแล้วแต่กรณีความผิดที่ได้กระทำไปด้วย อาธิเช่น ถ้าเค้าพาสาวสวย หมวย อึ๋ม ไปช้อปปิ้ง ต่อด้วยดินเนอร์ แล้วจบลงที่โรงแรมม่านรูดที่ไหนสักแห่ง แต่คุณจับผิดเค้าได้แค่พาสาวที่ไหนไม่รู้ไปช้อปปิ้งล่ะก็ เค้าก็จะง้อคุณตามบรรทัดฐานนั้นแหละ และจะไม่รู้สึกผิดเลยกลับสิ่งที่ทำลงไปหลังจากนั้น เค้าจะสร้างภาพเหมือนกับว่าเค้าทำเท่าที่คุณรู้จริงๆ บางรายจะไม่สารภาพและไม่ยอมรับผิดใดๆ ทั้งสิ้นจนกว่าคุณจะมีหลักฐานมายืนยัน ซึ่งถ้าคุณไม่มีก็จะเข้าทางพวกเขาทันที พวกเขาจะทำเป็นโมโหกลบเกลื่อน พร้อมกับจบด้วยประโยคคลาสสิคที่ว่า “ทำไมไม่ยอมเชื่อใจกันมั่ง” เฮอะๆๆๆ ผู้ชายสมัยนี้สตอเบอร์รี่เก่งนะคะคุณขา อย่าไปหลงเชื่อเค้าง่ายๆ ละกัน
หากเกิดกรณีที่ว่าข้างต้น และคุณกำลังลังเลที่จะเชื่อในขณะนั้น ขอแนะนำว่าให้เชื่อสัญชาตญาณของผู้หญิงเราเถอะ อย่างที่หนังสือเรื่อง Why Men Don’t Listen & Women Can’t Read Maps ของสองนักเขียน Allan และ Barbara Pease บอกไว้ว่า ผู้ชายจะโกหกหรือปิดบังความจริงอะไรต่อผู้หญิงแล้วมักจะไม่ค่อยสำเร็จ เป็นเพราะสมองของหญิงกับชายนั้นแตกต่างกัน สมองของผู้หญิงจะมีเส้นใยประสาทที่เชื่อมโยงระหว่างสมองส่วนซ้ายและขวาเข้าด้วยกันมากกว่าผู้ชาย ทำให้มีการส่งข้อมูลระหว่างประสาททั้งสองข้างได้เร็วขึ้น ดังนั้นผู้หญิงเราจึงจับประเด็นพิรุจเล็กๆ น้อยๆ จากเรื่องแก้ตัวที่คุณผู้ชายเล่า หรือสามารถวิเคราะห์จากท่าทีที่เขาแสดงออกได้ราวกับมีสัมผัสที่หก ดูเหมือนสิ่งนี้จะเป็นพฤติกรรมที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์แน่ะ ดังนั้นถ้าผู้หญิงเราอยากจับผิดพฤติกรรมที่ไม่ซื่อสัตย์ของเค้า คงต้องใช้สัญชาตญาณและมารยาหญิงที่สั่งสมมาหลายร้อยเล่มเกวียนให้เป็นประโยชน์เพื่อให้ได้ความจริง (ที่ยังไงก็คงไม่บอกรายละเอียดมากกว่า 70% ) และเมื่อคุณได้ความจริง (ที่ไม่ใช่ทั้งหมด) มาแล้ว ก็อย่าเพิ่งลำพองใจไปล่ะ เพราะเมื่อพวกเขาพูดว่า “มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว” นั่นแหละ คือจุดเริ่มที่เค้าจะโกหกคุณครั้งต่อไป!!