แพทย์แผนไทย โคราช รักษาโรค SLE ไขความลับวิธีรักษาโรคแพ้ภูมิตัวเองหรือโรคพุ่มพวง ( SLE)
รถตู้ให้เช่า ร้อยเอ็ด
หมอเอ ณัฐปราชญ์ คลินิก

h   ยีนเป็นสารเคมีที่กำหนดทิศทางของสารเคมีอื่นๆ สารเคมีที่ประกอบขึ้นเป็นยีนคือกรดดีโอไซริบอนิวเคลียอิค (DeoxyriboNucleic Acid) หรือ ดีเอนเอ ประกอบด้วยฐาน 4 ตัว เรียกกันย่อๆ ว่า A, G, C, T ฐานพวกนี้จับตัวคู่กันเป็นสายยาวๆ โดยที่ A จับคู่กับ T และ G จับคู่กับ C เสมอ การจัดคู่ต่างกันเพียงอักษรเดียวจะให้ข้อมูลที่ได้ต่างกันราวฟ้ากับดิน

  ข้อมูลในดีเอนเอนี้จะเปลี่ยนเป็นโปรตีนที่ทำด้วยกรดอะมิโน หน้าที่สำคัญที่สุดของโปรตีนตัวนี้คือทำหน้าที่เป็นเอนไซม์ที่เปลี่ยนสาร เคมีชนิดหนึ่งเป็นอีกชนิดหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น มันเปลี่ยนสารเคมีไทโรซีนที่คุณได้รับมาจากอาหารบางชนิดเป็นโดพามีน ซึ่งเป็นสารเคมีที่ทำให้คุณรู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้น เป็นต้น
ขณะที่ดีเอนเอประกอบกันเป็นยีน ยีนก็ประกอบกันเป็นโครโมโซม มนุษยชาติมียีนราวแสนตัว รวมอยู่ในหมู่ประชากรของยีน หรือ ยีน พูล (Gene Pool) ตัวยีนเองเป็นคำสั่งให้เจ้าของร่างทำตาม โดยไม่อาจบิดพลิ้ว แม้ว่าคำสั่งนั้นคือให้เจ้าของร่างต้องตายก็ตาม หน้าที่ของยีนคือก๊อบปี้ตัวเองต่อไปเรื่อยๆ มองในแง่นี้ ยีนจึงเป็นอมตะ แต่ทว่าแม้มันจะก๊อบปี้ตัวมันเองต่อไปเรื่อยๆ นับแสนๆ ล้านๆ ปี สายพันธุ์ที่ประกอบขึ้นจากยีนทั้งหลาย ก็ปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เช่นกัน
มนุษย์เรามีดีเอนเอเหมือนกันถึง 99.9 เปอร์เซ็นต์ รวมกันเป็นโครโมโซม 46 ตัว หรือ 23 คู่ เพียง 0.1 เปอร์เซ็นต์ของความแตกต่างนี้ทำให้เราแต่ละคนต่างกันโดยแทบสิ้นเชิง (ขณะที่เราต่างจากลิงชิมแปนซีเพียง 1-2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น) 0.1 เปอร์เซ็นต์ที่ดูเหมือนจะเล็กน้อยนี้ ทำให้คุณต่างจาก ไอน์สไตน์, เชกสเปียร์, จิ๋นซีฮ่องเต้, ฮิตเลอร์, ดา วินชี, ปิคัสโซ, สุนทรภู่ ฯลฯ ทำให้มหาโจรต่างจากนักบวช นักการเมืองต่างจากนักกินเมือง

h
วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดเป็นการทำงานของการเปลี่ยนแปลงทีละเล็กละ น้อยผ่านกาลเวลายาวนาน เป็นการเปลี่ยนในระดับยีน ไม่ว่าจะเปลี่ยนแบบค่อยเป็นค่อยไป หรือเป็นการกลายพันธุ์ (Mutation)
  การสืบพันธุ์แบบมีเพศทำให้เกิดการผสมยีนของสองฝ่าย จากแม่กับพ่ออย่างละครึ่ง เกิดการแปลงยีนเป็นสัดส่วนใหม่ ทำให้มีทางเลือกมากขึ้น ความเปลี่ยนแปลงจะส่งต่อให้ลูกหลาน บางทีการเปลี่ยนแปลงทำให้ลูกหลานแข็งแรงขึ้น สามารถสืบต่อเผ่าพันธุ์ได้ดีขึ้น ยีนนั้นก็จะดำรงต่อไปหรืออาจเพิ่มจำนวนในหมู่ประชากรของยีน
ยีน พูล ของสายพันธุ์หนึ่งๆ คือยีนต่างๆ ที่มาประกอบกันเป็นทางเลือกต่างๆ ของสายพันธุ์นั้นๆ ผ่านกระบวนการคัดเลือกตามธรรมชาติของหลักวิวัฒนาการ สายพันธุ์ที่ ยีน พูล มีความหลากหลายมักมีโอกาสอยู่รอดกว่าสายพันธุ์ที่ ยีน พูล ไม่หลากหลาย เพราะมันสร้างทางเลือกได้มากกว่า
นักสัตววิทยา ริชาร์ด ดอว์คินส์ เคยเปรียบเทียบ ยีน พูล กับการแข่งเรือ เรือแข่งแต่ละลำมีฝีพายหลายคน แต่ละคนมีฝีมือต่างกัน บางคนอาจมีแรงมากกว่า บางคนอาจมีเทคนิคการพายดีกว่า บางคนอาจมีสายตาดีกว่า เป็นต้น หากฝีพายทั้งหลายคือยีนต่างๆ กระแสลมและน้ำที่มีผลต่อเรือก็คือสภาพแวดล้อม แต่เรือที่ชนะมักเป็นเรือลำที่มีฝีพายบางกลุ่มเท่านั้น นั่นคือกลุ่มฝีพายชั้นดี (หรือยีนชั้นดี)
แต่นั่นไม่ใช่สูตรสำเร็จในโลกของยีน เพราะบ่อยครั้งฝีพายชั้นดีก็พ่ายแพ้การแข่งขัน เมื่อบางคนโชคร้ายไปอยู่ในกลุ่มฝีพายไม่ดี และทีมนั้นก็พ่ายแพ้ไป (นั่นคือความตายของเจ้าของยีนนั้น)
  นี่แสดงว่า หากยีนที่มีคุณสมบัติดีไปอยู่ในร่างกายที่ประกอบด้วยยีนที่มีโรคร้าย เมื่อร่างกายนั้นตายไปก่อนวัย ยีนที่ดีก็ตายไปจาก ยีน พูล ด้วย
เช่นกัน สมมติว่าใครคนหนึ่งมียีนที่ดี ชาญฉลาดอย่างยิ่ง แต่บกพร่องในเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ ยีนของสายพันธุ์ชั้นดีนั้นก็จะหายไปจาก ยีน พูล ไปในที่สุด ทำนองเดียวกัน หากมียีนไม่ดีที่ชอบมีเพศสัมพันธุ์ ยีนไม่ดีนี้ก็จะสืบทอดต่อไป โอกาสที่วันหนึ่งมันจะทำลายสังคมก็มีมาก
จะเห็นว่า การที่หน่วยพันธุกรรมหนึ่งๆ จะอยู่รอดต่อไปได้ ต้องสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม โดยไม่จำเป็นต้องเป็นยีนที่มีคุณสมบัติ ‘ดี’ เสมอไป
การสืบต่อเนื่องของยีนขึ้นอยู่กับวิวัฒนาการ สิ่งมีชีวิตที่ปรับตัวได้ดีกว่าก็มีโอกาสส่งทอดยีนของตนต่อไปได้มากกว่า ยีนของสัตว์โลกที่อยู่ในภูมิประเทศที่มีอาหารดีกว่า มากกว่า ย่อมแข็งแรงกว่า มีอายุยืนกว่าและมีโอกาสที่จะอยู่รอดนานกว่า

h


   วิวัฒนาการเป็นเครื่องมือที่ตาบอด มันไม่สามารถมองเห็นทิศทางในการวิวัฒนาการ มันไม่ได้เดินไปในทิศทางที่ ‘ดีที่สุด’ (ในมุมมองของสังคม ค่านิยม ศีลธรรม วัฒนธรรม ฯลฯ) แต่เป็นทางที่ ‘อยู่รอดมากที่สุด’ มองในมุมนี้ มนุษยชาติจึงไม่มีทางก้าวสู่ความสมบูรณ์ทางกายภาพและสติปัญญาผ่านกระบวน การวิวัฒนาการ
การออกมาเรียกร้องสิทธิมนุษยชนของกลุ่มที่ต่อต้านโทษประหารชีวิตเกิดขึ้น เนืองๆ ในโลกตะวันตก เหตุผลเดิมๆ ที่กลุ่มนี้ชอบใช้คือคำว่า มนุษยธรรม พวกเขาบอกว่ามนุษย์ไม่มีสิทธิในการพรากชีวิตของมนุษย์ด้วยกัน ทั้งนี้เพราะมนุษย์ทุกคนมีเสรีภาพ อิสรภาพ และควรได้รับการปกป้องสิทธินั้น
ที่น่าแปลกก็คือ น้อยคนเหลือเกินที่ออกมาเรียกร้องสิทธิความชอบธรรมของสัตว์โลกอื่นๆ เช่น วัว หมู ไก่ เป็ด ห่าน ปลา กุ้ง ฯลฯ ที่ต้อง ‘โทษประหารชีวิต’ ตั้งแต่วันแรกที่เกิดมาในโลก ทั้งที่สัตว์เหล่านี้ก็มีเลือดเนื้อ มีความรู้สึกไม่ต่างจากมนุษย์ อีกทั้งพวกมันก็ไม่เคยขโมย ปล้น ฆ่า ข่มขืน กระทำชำเรามนุษย์ด้วย
ทำไม? เป็นเพราะพวกมันถูกเราติดป้ายว่าเป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นอาหารที่มี บาร์ โค้ด ราคาติดบนถุงห่อศพพวกมัน? หรือว่าเพราะพวกมันไม่มีโอกาสวิวัฒนาการจนเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอำนาจในการ ควบคุมโลกและสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์อื่นๆ เช่นมนุษย์ผู้ ‘เจริญ’ แล้ว?
มองอย่างเป็นธรรม เราจะบอกว่าพวกมันเป็นเดรัจฉานได้อย่างไร ในเมื่อเรากับพวกมันสืบสายพันธุ์มาจากจุดเดียวกัน? ความจริงทางนิติเวช-ชีววิทยาคือ ทุกๆ สายพันธุ์ในโลกมีความเกี่ยวพันกัน หรือมีชีวิตเดียวกัน ณ จุดใดจุดหนึ่งในอดีต เช่น มนุษย์กับชิมแปนซีเป็นชีวิตเดียวกันราว 5-8 ล้านปีที่ผ่านมา มนุษย์กับแบคทีเรียเป็นชีวิตเดียวกันยาวนานกว่านั้นมาก (หลักฐานคือมนุษย์มียีนราว 200 ตัวที่เหมือนกับแบคทีเรีย)
จึงเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ยิ่งเมื่อคิดว่า สิ่งมีชีวิตที่สืบสายพันธุ์มาจากวานร เดินสองขา ประดิษฐ์ขวานหิน ไปจนถึงโทรศัพท์มือถือ ประกาศตนเป็นจ้าวโลก และสถาปนาตัวเองเป็นพรหมที่ลิขิตชีวิตของสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์อื่นๆ อีกหลายสายพันธุ์ ประหัตประหารชีวิตพืชสัตว์จนสูญพันธุ์ไปมากมายเหลือคณานับ โดยเสียงของคนที่ออกมาเรียกร้องของความเป็นธรรมกับสิ่งมีชีวิตที่พูดภาษา มนุษย์ไม่ได้เหล่านั้นแผ่วเบาจนแทบไม่มีใครได้ยิน
เป็นเรื่องง่ายที่จะพูดถึงความหิวโหยเมื่อท้องของคุณอิ่ม ง่ายที่จะพูดถึงความยุติธรรมเมื่อครอบครัวของคุณอยู่อย่างปลอดภัยในบ้านที่ ลั่นดาลแน่นหนา ง่ายที่จะพูดถึงการขอชีวิตคนชั่วร้ายเมื่อเรื่องชั่วร้ายนั้นมิได้เกิดขึ้น กับตัวคุณเอง

   {youtube width="350" height="260"}CVSOtpV_j28{/youtube}

ลองดูรอบตัวเรา ความเลวร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมของเราเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ในตัวของมันเองว่า โลกไม่ได้ถูกสร้างมาให้มีความสวยงามหรือยุติธรรมอย่างที่หลายคนปักใจเชื่อ ขออภัยที่ผมจำเป็นต้องแจ้งข่าวร้ายกับคุณ โลกนี้ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ คุณต้องช่วยตัวเอง
ป่วยการที่จะหลอกตัวเองว่า โลกเราสวยงาม โลกของเราไม่เคยสวยงาม อย่างน้อยก็ในสายตาของสัตว์ที่คุณกินมันเป็นอาหาร
คุณเคยดูวิธีการดำรงชีวิตของกาฝากไหม? กาฝาก หรือ Parasites เป็นพืชที่อยู่ด้วยการเกาะยึดบนพืชชนิดอื่น แย่งอาหารจากพืชที่เกาะอยู่ กาฝากมีรากที่เรียกว่า รากเบียน แทงทะลุเปลือกไม้ของต้นที่มันเกาะ เจาะเข้าไปถึงเยื่อภายในต้น
   กาฝากแบ่งออกเป็นสองจำพวก คือพวกที่เบียนลำต้น เช่น กาฝากมะม่วง กาฝากก่อตาหมู กับพวกที่เบียนราก อาศัยเกาะกินรากต้นไม้ป่าชนิดต่างๆ เช่น ขนุนดิน ฯลฯ พืชพวกนี้จะค่อยๆ เกาะดูดสารชีวิตจนต้นไม้ตายนั้นตายไป
โลกเราตอนนี้ก็เป็นเหมือนต้นไม้ใหญ่ที่ถูกกาฝากดูดกิน เรามีกาฝากชนิดต่างๆ มากมายนับไม่ถ้วน คนที่ทิ้งขยะไม่เป็นที่เป็นทาง ครูที่รับแป๊ะเจี๊ยะ อัยการ ผู้พิพากษาที่กินสินบน ตำรวจที่ตั้งด่านรีดเงินส่งส่วย ข้าราชการที่เลียนักการเมือง นักธุรกิจที่ฮั้วกันประมูล นักการเมืองที่โกงกินกันเป็นพันล้านหมื่นล้านผ่านนโยบาย ‘เพื่อประชาชน’ ทั้งหลาย ฯลฯ พวกนี้ล้วนแต่บอกว่าเป็นคนรักชาติทั้งสิ้น
บ้านเมืองเราตอนนี้เต็มไปด้วยคนเลว จับใส่คุกเท่าไรก็ไม่พอ เราลงทุนมากมายไปกับระบบการลงทัณฑ์ เสียเงินและทรัพยากรมหาศาลเพื่อที่จะควบคุมคนชั่ว และนั่นไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาด้วย ปัญหานี้ไม่สามารถแก้ด้วยการสร้างคุก หากจะแก้ปัญหา เราต้องแก้ที่ต้นตอของปัญหา แก้ที่ต้นกำเนิดของคน แก้ที่ยีนมนุษย์!
เวลาคุณพบปลวกสักตัวในบ้าน คุณปล่อยมันไป ไม่ช้านาน บ้านคุณก็ถูกกินหมด ต้องมีใครสักคนที่ทำหน้าที่กินมดกินปลวก เราเป็นยาฆ่าแมลงที่ไม่มีใครชอบ แต่ใครสักคนต้องทำอะไรสักอย่าง

h

    ถ้าเราไม่ควบคุมวิวัฒนาการของ ยีน พูล แห่งมนุษยชาติ มันก็จะวิวัฒนาการเองโดยผู้ที่แข็งแรงที่สุดเป็นผู้ชนะ ผู้ที่แข็งแรงที่สุดอาจเป็นเจ้าของยีนที่เลวร้ายก็ได้ บ่อยครั้งสายพันธุ์ที่ถูกทำลายหายไปจาก ยีน พูล เป็นสายพันธุ์ที่ ‘ดี’
อย่างไรก็ตามเราสามารถกำหนดทิศทางของวิวัฒนาการด้วยตัวเราเอง!
ในมุมมองของวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตและยีนวิทยา การยกเลิกโทษประหารชีวิตและการคุมขัง ‘ยีนชั่วร้าย’ ในคุกเป็นการเสียทรัพยากรเปล่า ประสบการณ์สามสิบปีในโลกของการปราบปรามบอกผมว่า มนุษย์เราไม่มีทางเปลี่ยนพฤติกรรม ‘ชั่ว’ ได้ มันถูกกำหนดมาในยีน ฝังในสายเลือด ขออภัย หากผมพูดในสิ่งที่คุณไม่อยากได้ยิน สายน้ำต้องไหลลงที่ต่ำเสมอ
ในระยะยาว สายพันธุ์เลวร้ายเหล่านี้อาจไม่เพียงทำลายอารยธรรมทั้งหมดของมนุษย์ ไปจนถึงมนุษยชาติ แต่อาจลามไปถึงการทำลายทุกสิ่งในโลกใบนี้ด้วย
นอกจากเราจะไม่ควรยกเลิกโทษประหารชีวิตแล้ว เรายังไม่ควรเสียเวลาเลี้ยงอาชญากรในคุก เราควรมีมาตรการกำจัดยีนไม่ดีออกไปจากสารบบของมนุษยชาติโดยสิ้นเชิง ก่อนที่มันจะขยายเผ่าพันธุ์ต่อไป

h


  จริงอยู่ ถึงแม้ว่าการประหารคนชั่วไม่อาจลบความเสียหายที่เกิดขึ้นไปแล้ว แต่ในระยะยาว ยีนคนชั่วจะค่อยๆ หายไปจาก ยีน พูล ของมนุษยชาติ
หากคิดว่านี่เป็นเรี่องโหดร้าย ลองศึกษาผลงานของธรรมชาติดู โทษประหารชีวิตของธรรมชาตินั้นรุนแรงกว่ามากนัก มันไม่มอบให้แม้แต่อาหารมื้อสุดท้ายและบทสวดแก่นักโทษประหาร!
  ความยุติธรรมไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เพราะความยุติธรรมเป็นสิ่งประดิษฐ์ของมนุษย์ เราสร้างมันขึ้นมาเอง

 

 

จากหนังสือ: ฝนตกขึ้นฟ้า
โดย: วินทร์ เลียววาริณ

เรียบเรียง: http://cboverlap.wordpress.com/2011/10/24/birthday2011/

 

 

Go to top