แพทย์แผนไทย โคราช รักษาโรค SLE ไขความลับวิธีรักษาโรคแพ้ภูมิตัวเองหรือโรคพุ่มพวง ( SLE)
รถตู้ให้เช่า ร้อยเอ็ด
หมอเอ ณัฐปราชญ์ คลินิก

d   วันนี้วันตำรวจครับ เรื่องที่แนะนำจึงเกี่ยวข้องกับตำรวจเหมือนกัน เราไปดกันดีกว่าครับว่า จะทำอย่างไร  เมื่อถูกชนแล้วหนี

 เป็นคำถามที่ถูกพบบ่อยมาก ครับ  ไม่ว่าจะขับแล้วชน  หรือว่า แค่จอดไว้เฉยๆ แล้วมีคันอื่นมาชนแล้วหนีไป  เราจะทำอย่างไร  แล้วรถทำประกันไว้ หรือไม่ได้ทำประกัน จะได้รับการชดเชยหรือไม่ อย่างไร  ทางสถานีตำรวจภูธรเมืองศรีสะเกษ ของเรา มี คำแนะนำดีๆ เบื้องต้น มาแนะนำครับ

  

 

 เมื่อถูกชนแล้วหนี

 

  1. "ตั้งสติ" สำคัญมาก ครับ อย่าตกใจ  หลายคน ตื่นเต้นตกใจ  โมโห  จนทำอะไรไม่ถูก  พอตั้งสติได้ ก็ลืมทุกอย่างไปแล้ว
  2. พยายาม จดจำ รายละเอียดของรถคู่กรณ๊ให้มากที่สุด ครับ  ประเภทรถ สี ยี่้หอ และที่สำคัญมากคือ หมายเลขทะเบียน ถ้าสามารถจดจำ ลักษณะตำหนิรูปพรรณ ของผู้ขับขี่ได้ ยิ่งดี และควรจดรายละเอียดเอาไว้ด้วย
  3. ถ้ามี โทรศัพท์  ให้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือ 191 ก่อน  บอกรายละเอียด ตามข้อ 2  และเส้นทางที่รถคู่กรณีหลบหนีไป  ตอนนี้ ศูนย์วิทยุเขาจะแจ้งสกัดจับทางวิทยุ  ถ้าเจ้าหน้าทีตำรวจพบเห็น ก็จะไล่ติดตามให้
  4. ดูความปลอดภัย  (ถ้าเป็นรถยนต์) ให้ลงจากรถ มาสำรวจความเสียหาย  ตัวเราได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่  รถได้รับความเสียหายอย่างไร  บริเวณโดยรอบ มีพยานที่พบเห็นเหตุการณ์หรือไม่  ถ้ามี ให้ขอรายละเอียดเขาไว้ เช่น ชื่อ สกุล  ที่อยู่  เบอร์โทร  และขอร้องให้เขาเป็นพยานให้
  5. แต่ ถ้า (ตามข้อ 4) สถานที่นั้น เป็นที่เปลี่ยว  ดูว่าอาจมีอันตราย (บางทีอาจเป็นคนร้ายประสงค์อย่างอื่น แกล้งชนเพื่อให้เราลงจากรถมาเพื่อทำเหตุร้ายอย่างอื่นได้) ก็อย่าลงจากรถครับ  ให้รีบโทรหา ตำรวจ แจ้งรายละเอียด  โทรหาญาติ หรือคนที่ไว้ใจได้ ทันทีถ้าเป็นรถยนต์ ดูสัญญาณไฟ  ถ้าไฟฉุกเฉิน สามารถใช้ได้ควรเปิดไว้  หากเป็นที่เปลี่ยว  อาจบีบแตร ย้ำๆ  ยาวๆ  หลายๆ ครั้ง เพื่อเรียกให้คนมาช่วย
  6. ถ้า สามารถติดต่อ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้  ไม่นาน เจ้าหน้าที่จะมาถึง  จะมาจัดการจราจร เพื่อมิให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำ เมื่อ พนักงานสอบสวนมาถึง อาจมีการจัดทำแผนที่เกิดเหตุ  ถ่ายรูป  (แล้วแต่ลักษณะคดี)  ให้มอบรายละเอียดทั้งหมด ให้พนักงานสอบสวน และถ้าได้รับบาดเจ็บ ควรที่จะไปรักษาที่สถานพยาบาลก่อน (ปกติ ถ้าได้รับแจ้งว่าบาดเจ็บ หน่วยกู้ภัย  รถ EMS ของทางพยาบาล จะมาร่วมด้วย)  ตรงนี้ ท่านไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องคดีความ ควรรักษาตัวเองก่อน  และ ควรให้แพทย์ออกใบรับรองให้ด้วย
  7. หาก เจ้าหน้าที่ สามารถจับกุมตัวรถคู่กรณีได้ในทันที ก็จะมีการ จับกุมดำเนินคดี  แต่ต้องมีการสอบปากคำตัวเราด้วย รวมถึงพยานที่เกี่ยวข้อง
  8. หากยังจับกุมไม่ได้  แต่ได้รายละเอียดของรถ เพียงพอที่จะสามารถหาผู้ขับขี่ได้  พนักงานสอนสวน จะดำเนินการออกหมายเรียก หมายจับ ต่อไป

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ส่่วน หากรถของท่านมีประกัน (ประเภท 1) จะได้รับค่าชดเชยหรือไม่?

  • ความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ประภท 1 (ชั้น 1) เมื่อคู่กรณีหลบหนี โดยที่ผู้เอาประกันภัย ไม่ทราบรายละเอียดของคู่กรณี บริษัทประกัน ต้องชดเชยความเสียหายให้กับผู้เอาประกัน ตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง เช่น ค่ารักษาพยาบาล  ค่าความเสียหายของตัวรถ  (ซ่อม เปลี่ยน ให้อยู่สภาพเดิม  เรียกเอาเงินจากบริษัทประกันโดยไม่ซ่อม ไม่ได้) ทั้งนี้  จำนวนเงินที่ บริษัทประกันต้องชดเชยให้เรานั้น ทั้งหมด ต้องไม่เกินกับจำนวนเงินเอาประกันที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ แต่ กรณีนี้  ผู้เอาประกันจะต้องรับผิดชอบความเสียหายส่วนแรก ที่เรียกว่า ค่า Deductible(ค่าเสียหายส่วนแรก) จำวน 1,000 บาท ต่อการเกิดอุบัติเหตุต่อครั้ง

  • (การ ที่มีค่าเสียหายส่วนแรก นั้น เป็นข้อกำหนดที่ทำไว้สำหรับรถที่่มีประกันชั้น 1 แล้ว ต้องการทุจริต ต่อ บริษัทประกัน เช่น เจ้าของรถ อยากเปลี่ยนกระจกมองข้างใหม่ จึงทุบกระจกมองข้างรถตัวเองให้เสียหายเพื่อเปลี่ยนใหม่ แล้วไปแจ้งต่อบริษัทฯ ว่ามีรถชนแล้วหนี  อย่างนี้  บริษัทจึงต้องมีมาตรการตรงนี้ไว้ เพื่อให้ผู้เอาประกัน ยั้งคิด ความคุ้มค่า ว่าจะทำเช่นนั้นหรือไม่







  • แต่ถ้าผู้เอาประกันสามารถ จดจำ รายละเอียดของคู่กรณีได้ เช่น ทะเบียนรถ สี ยี่ห้อ ไม่ว่าฝ่ายใด จะเป็นฝ่ายผิด  บริษัทฯ ประกันต้องชดเชยให้กับผู้เอาประกัน ตามสัญญา (ต้องดูในส่วน ว่า ระบุผู้ขับขี่หรือไม่)

 

คงจะได้รายละเอียดไปพอสมควรแล้ว  ข้อเท็จจริงก็คือ เวลาที่ผู้ใช้รถเกิดอุบัติเหตุิ มักจะโทรหา บริษัท ประกัน ก่อน โทรหา เจ้าหน้าที่  โดยเชื่อว่า บริษัท จะมาจัดการเรื่องคดีความให้  ซึ่ง ข้อเท็จจริงแล้วไม่ใช่ ครับ

บริษัทประกัน  เป็นบริษัท ที่หวังผลกำไร จ่ากท่าน  ถ้าหากทำให้บริษัท ไม่ต้องจ่ายมาก  บริษัทก็ได้กำไรมาก

เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง  กินเงินภาษีจากท่าน  ฝ่ายใดถูกก็ว่าไปตามถูก ฝ่ายใดผิดก็ว่าไปตามผิด  ให้คำแนะนำตรงไปตรงมา ไม่ว่าใครจะถูกจะผิด  ก็ได้เงินเดิอนจากภาษีของท่าน เช่นเดิม

ที่กล่าวเช่นนี้  เพราะมีบริษัทประกัน บางบริษัทที่ไม่ดี   ไปหลอกลูกค้าว่าให้โทรหาบริษัทก่อน ยังไม่ต้องแจ้งตำรวจ  เมื่อพนักงานของบริษัท ไปถึง ก็จะไปไกล่เกลี่ย พูดจาต่างๆ นานาๆ เพื่อที่่จะให้บริษัท ไม่ต้องรับผิดขอบกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม หากท่านคิดว่า ท่านจะไม่ได้รับความเป็นธรรมในคดี  ท่านอาจให้ทนายบริษัท มาร่วมฟังการสอบสวน และตรวจสอบรูปคดีได้

 

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม  เวลารถชน  ให้โทรแจ้ง "ตำรวจ" ก่อนนะครับ  ไม่ใช่ "ประกัน"

 

ที่มา :
http://www.skpolice.net/index.php/safety-drive/135-hit-and-run



Go to top