แพทย์แผนไทย โคราช รักษาโรค SLE ไขความลับวิธีรักษาโรคแพ้ภูมิตัวเองหรือโรคพุ่มพวง ( SLE)
รถตู้ให้เช่า ร้อยเอ็ด
หมอเอ ณัฐปราชญ์ คลินิก

epl ผู้สื่อข่าว"มติชนออนไลน์"รายงานว่าเมื่อคืนวันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เจ้าของสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกของอังกฤษได้แจ้งผลการประมูลลิขสิทธิ์ในเมืองไทยแก่ผู้เข้าประมูลทั้งหมด ปรากฏว่าผู้ชนะการประมูลได้แก่ กลุ่มซีทีเอช ของนายวิชัย ทองแตง และวัชร วัชรพล บุตรชายของน.ส.ยิ่งลักษณ์  วัชรพล โดยจะได้สิทธิ์การถ่ายทอดสด 3 ฤดูกาล ตั้งแต่ฤดูกาล 2013-2014 เป็นต้นไป ซึ่งถือว่าเป็นการพลิกล็อกครั้งใหญ่  เพราะในวงการคาดกันว่า"ทรูวิชั่นส์"จะได้ครอบครองสิทธิ์ดังกล่าวต่อไป

 

 

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้มี 4 รายที่เข้าร่วมประมูลซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีก ได้แก่ ทรูวิชั่นส์ เจ้าของลิขสิทธิ์เดิม, จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่, อาร์เอส และ ซีทีเอช (CTH) ซึ่งได้ยื่นซองไปเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว  และคาดว่ากลุ่มซีทีเอช ผู้ชนะประมูลจะต้องใช้เงินประมาณ 9,000 ล้านบาทและเมื่อรวมภาษีและค่าใช้จ่ายทั้งหมดตัวเลขอาจสูงถึง 10,000 ล้านบาท  สูงกว่าครั้งก่อนที่"ทรูวิชั่นส์"ได้ไปในราคาไม่ถึง 2,000 ล้านบาท

กติกาของการประมูลลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกนั้น ผู้เสนอราคาสูงสุดจะต้องเสนอราคาห่างจากลำดับที่ 2 ไม่ต่ำกว่า 10 % ไม่เช่นนั้นพรีเมียร์ลีกจะสามารถเรียกรายที่ 1 และ 2 มาเสนอราคาเพิ่มได้  แต่จากกระแสข่าวที่ออกมา กลุ่มซีทีเอชเสนอราคาสูงกว่ารายที่ 2 ซึ่งไม่แน่ชัดว่าเป็น"ทรูวิชั่นส์"หรือ"แกรมมี่"เกิน 10%

ขั้นตอนหลังจากนี้  ทางกลุ่มซีทีเอชจะต้องจ่ายค่ามัดจำ 3 % ภายใน 5 วัน จากนั้นจะเจรจาระบบการจ่ายเงินและวางแบงก์การันตี  ส่วนเงินค่าประมูลนั้นจะแบ่งเป็น 3 งวด แต่ละงวดจะจ่ายก่อนเปิดฤดูกาลประมาณ 2-3 เดือน

แหล่งข่าวจากวงการโทรทัศน์เปิดเผยว่าด้วยศักยภาพของซีทีเอช ทั้งเรื่องโครงข่ายและบุคลากรในขณะนี้ไม่น่าจะสามารถรองรับโครงการใหญ่ขนาดนี้ได้  ดังนั้น เชื่อว่าจะต้องมีพันธมิตรอื่นที่ยังไม่เปิดตัวร่วมด้วย  หรืออาจต้องเจรจากับรายอื่นที่มีโครงข่ายอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังต้องจับตาว่าทรูวิชั่นส์จะแก้เกมอย่างไร  เพราะถือว่าลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกถือเป็นหัวใจของทรูวิชั่นส์

ทั้งนี้มีกำหนดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในวันนี้ 15 พ.ย. ที่โรงพยาบาลพญาไท 2 เวลา 15.00 น. 

โดย นายวิชัย ทองแตง ประธาน กรรมการบริหาร บริษัท เคเบิล ไทย โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ ซีทีเอช เปิดเผยว่า ชัยชนะที่ซีทีเอชได้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ถ่านทอดสดการแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ 3 ปีซ้อน ในฤดูกาลปี 2556 ถึง 2559 ยังไม่ขอยืนยันราคาประมูล จะบอกได้เมื่ออีพีแอลเป็นผู้ประกาศ ซึ่งตอนนี้คาดกันไปถึง 9,000 ล้านบาท

ส่วนเงินกู้ธนาคารเสนอมา 3 แห่ง ตามแผน 3 ปีหน้าจะใช้กว่า 2 หมื่นล้านบาท พัฒนาเทคโนโลยี ต่อจากโครงข่ายที่ได้จากทีโอทีไปเรียบร้อยแล้ว

หลังจากเดือนมีนาคมปี 2556 เมื่อการประมูลดิจิตอลทีวีแล้วเสร็จได้ข้อสรุป ทางซีทีเอชเองก็จะขยายโครงข่ายเพื่อผู้ชมทุกกลุ่มทั่วไทยที่เป็นสมาชิกอยู่กว่า 3.5 ล้านครัวเรือน จากนั้นในอีก 3 ปีหน้า ตั้งเป้าจำนวนผู้ชมเคเบิลในเครือข่ายนี้จะเพิ่มเป็น 7 ล้านครัวเรือน โดยคงราคาการจัดเก็บค่าสมาชิกคงเดิมในกลุ่มที่ซื้อกล่องก็ไม่ต้องจ่าย ส่วนสมาชิกทั่วไปจ่าย 300-350 บาท/เดือน

ขณะที่เครือข่ายการถ่ายทอดจะดึงพันธมิตรทุกกลุ่มเข้ามาร่วม หรือแม้แต่ทรูเองก็อาจเข้ามาร่วมด้วยได้ หากเงื่อนไขของอีพีเอมีช่องทางให้ดำเนินการได้ เพราะการประมูลครั้งนี้ทางซีทีเอชไม่ได้คิดจะเอาชนะทรู เป้าหมายหลักอยู่ที่ความตั้งใจจะทำตามสัญญาที่ได้ให้ไว้กับอีพีแอล คือ ทำให้คนไทยทุกคนได้ชมฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ อย่างทั่วถึงทุกกลุ่มทุกอาชีพ และ ยังมีโครงการจะขายเนื้อหาให้ในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต คือ สปป.ลาว และ กัมพูชา

นายวิชัยยืนยันว่าการลงทุนที่มีอยู่ทั้งหมด นั้น โรงพยาบาลยังเป็นธุรกิจที่รักมาก ขณะนี้ถือหุ้นอยู่ในกลุ่ม บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน)  มีเงินทุนหมุนเวียนกว่า 1.6 แสนล้านบาท ส่วนการเข้ามาบุกเบิกธุรกิจเคเบิลทีวีเป็นเรื่องบังเอิญได้คุยกับเพื่อนพ้องให้เข้ามาช่วยแก้ปัญหาเคเบิลท้องถิ่นได้แจ้งเกิด และสามารถทำให้ประสบความสำเร็จภายในปีหน้า

ขณะที่ผลการดำเนินงานของซีทีเอชปี 2555 นายวิชัยกล่าวว่าอย่าถามถึง เพราะยังขาดทุนอยู่กว่า 100 ล้านบาท

แต่มั่นใจเมื่อได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ มาแล้ว 3 ฤดูกาล รวม 380 นัด ยังมีช่องทางขยายกิจกรรมการตลาดอีกมากมาย

นายวิชัยกล่าวว่านอกจากธุรกิจโรงพยาบาลที่อยู่ตัวแล้ว เคเบิลทีวีที่เพิ่งได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ แล้ว ก็ยังสนใจการลงทุนโลจิสติกส์ขนส่งน้ำมันทางท่อเพิ่มอีกธุรกิจ

ที่มา: http://www.matichon.co.th

 

Go to top