แพทย์แผนไทย โคราช รักษาโรค SLE ไขความลับวิธีรักษาโรคแพ้ภูมิตัวเองหรือโรคพุ่มพวง ( SLE)
รถตู้ให้เช่า ร้อยเอ็ด
หมอเอ ณัฐปราชญ์ คลินิก

n  ถ้าพูดถึง ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ ก็คงต้องนึกถึงอำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา เพราะเป็นต้นกำเนิดของก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อเป็นการนำ ปากหม้อ มาทำเป็นก๋วยเตี๋ยว จุดเด่นอยู่ที่น้ำซุปกระดูกหมู ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าเขาต้มกันอย่างไร แต่มันสามารถปรุงรสได้อย่างกลมกล่อม จนใครหลายคนที่มาชิมก็ต้องติดใจกับน้ำซุปที่ไปด้วยกันได้ดีกับปากหม้อ

 

แม้ ว่าก๋วยเตี๋ยวปากหม้อจะถือกำเนิดมานานหลายสิบปี ไม่สามารถระบุแน่ชัดได้ว่านานขนาดไหน ซึ่งรายแรกเป็นของเจ๊ติ๋มก๋วยเตี๋ยวปากหม้อก็ยังคงเปิดให้บริการอยู่ และยังมีอีกหลายสิบรายที่เปิดขายอยู่ในขณะนี้ มีทั้งรอบเช้า บ่าย และค่ำ เรียกได้ว่ามาเวลาไหนก็จะได้กินก๋วยเตี๋ยวปากหม้อของอำเภอพนมสารคาม ได้ทุกเวลา แล้วแต่ว่าคนไหนชอบสูตรไหนเวลาไหนก็เลือกกินกัน

สำหรับร้านก๋วยเตี๋ยวปากหม้อที่ถือว่าได้รับความนิยม และเป็นที่รู้จักกันดีก็ต้องเป็นรายนี้ “ปาก หม้อ เจ๊ยูร” ตั้งอยู่ในตลาดพนมสารคาม ถนนเทศบาล 8 ของ “นางประยูร นาวา” หรือ “เจ๊ยูร” จุดขายของเจ๊ยูรอยู่ที่น้ำซุปกระดูกหมู ไก่ ซึ่งมีรสชาติกลมกล่อม ต้มกระดูกหมูจนได้น้ำซุปที่ใส และมีรสหวานน้ำต้มกระดูก เรียกได้ว่าเป็นเคล็ดลับของแต่ละรายที่จะนำมาประชันขันแข่งกันว่าใครจะทำน้ำ ซุปออกมาได้รสชาติที่อร่อยกว่ากัน

ไส้ทั้ง 5 แบบ
เจ๊ยูรบอกกับเราว่า ได้เปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวปากหม้อมานานกว่า 21 ปี ได้รับการถ่ายทอดมาจากแม่สามี  โดยไส้ของปากหม้อมีอยู่ด้วยกัน 6 ไส้ ได้แก่ เต้าหู้ กุยช่าย ถั่วฝักยาว หน่อไม้ ถั่วงอก และไส้หวาน ไส้ หวานจะเหมือนกับไส้หวานของข้าวเกรียบปากหม้อ ส่วนของน้ำซุป ประกอบไปด้วย ขาไก่ ชิ้นละ 5 บาท เลือด 3 ชิ้น 10 บาท และลูกชิ้น 4 ลูก 10 บาท ส่วนกระดูกหมูชิ้นละ 5 บาทเช่นกัน และในส่วนของปากหม้อจะทำเสิร์ฟกันร้อนๆ ในราคา 6 ชิ้น 10 บาท

น้ำซุปไก่
สำหรับ การกินก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ ลูกค้าประจำจะรู้กันดีว่าจะทำอย่างไร แต่พอเป็นหน้าใหม่ก็คงต้องอาศัยดูจากคนที่กินอยู่เดิมก่อน เมื่อลูกค้าได้น้ำซุป และปรุงตามชอบแล้วก็จะไปนั่งล้อมใกล้แม่ค้า เพื่อแม่ค้าจะได้ปรุงปากหม้อร้อนทีละตัว ตักปากหม้อใส่ชามน้ำซุปของแต่ละคนซึ่งต้องอาศัยความชำนาญมาก เพราะแม่ค้าจะทำปากหม้อออกมาได้แผ่นบาง และทำอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ทันกับลูกค้าที่มานั่งล้อมวงรอกินกันเป็นจำนวนมาก และด้วยพื้นที่มีน้อย มีความจำเป็นจะต้องกินเป็นรอบๆ วนกัน กินได้ครั้งละ 6 ตัว และวนให้คนอื่นมากินต่อ แต่ถ้าลูกค้าน้อยก็กินได้เต็มที่

เจ๊ ยูรเล่าว่า ปัจจุบันร้านก๋วยเตี๋ยวปากหม้อได้กลายเป็นของดี ของเด่นของพนมสารคามไปเสียแล้ว จากการบอกกันแบบปากต่อปาก ทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนนอกพื้นที่ โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ เดินทางไปกินกันเป็นจำนวนมาก ในวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ ซึ่งในวันธรรมดาก็จะมีคนจากที่อื่นๆ เดินทางมาแวะกินเช่นกัน และยังมีกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเที่ยวตลาดโรงเกลือ และแวะมากินเช่นกัน โดยยอดขายต่อวันอยู่ที่ 2,000-3,000 ตัว โดยทางร้านจะเปิดขายตั้งแต่ 10 โมงเช้าไปจนกว่าของจะหมด ซึ่งประมาณไม่เกินบ่าย 2 โมง

บางวัน ลูกสาวคนเก่งก็มาขายเอง

n

ปากหม้อใส่ลงในน้ำซุปรับประทานได้เลย

ทั้งนี้ จากการที่ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงประมาณ 4-5 ปีที่ผ่านมา ทำให้มีร้านเปิดขายเฉพาะในตลาดพนมสารคามมากกว่า 10 ร้าน มี ทั้งเปิดขายกลางวัน และกลางคืน เรียกได้ว่ามาเวลาไหนก็จะได้กิน แต่ตอนเย็นจะเปิดมากกว่าตอนเช้าเพราะเป็นอาหารร้อนคนนิยมกินตอนเย็นมากกว่า โดยเฉพาะช่วงอากาศเย็นจะยิ่งขายดี ซึ่งปัจจุบัน ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อยังมีขายเฉพาะในพื้นที่ของจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยส่วนใหญ่จะเปิดที่พนมสารคาม จะมีที่เปิดเพิ่มขึ้นมาอีกแห่งหนึ่ง คือที่ตลาดเก่า บ้านใหม่ อีก 1 แห่ง ชื่อร้าน จุกดี จุดขายของร้านนี้ คือมีไส้ให้เลือกจำนวนมากถึง 14 ไส้ เป็นการดัดแปลงสูตรเพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้ลูกค้า แต่ถ้าเป็นที่พนมสารคามมีเพียง 6 ไส้พื้นฐานเหมือนกันทุกร้าน

โทร. 08-6833-4237

ที่มา:http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=pakdee6&month=03-11-2012&group=12&gblog=14

Go to top