ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำมูล บริเวณเขื่อนพิมาย โดยก่อนข้ามสะพานท่าสงกรานต์เข้าตัวอำเภอพิมาย จะมีทางแยกไปเขื่อนพิมายอีกประมาณ 2 กิโลเมตร บรรยากาศไทรงามแห่งนี้มีต้นไทรขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก ไทรเหล่านี้เกิดจากต้นแม่อายุประมาณ 350 ปี ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำมูล บริเวณเขื่อนพิมาย โดยก่อนข้ามสะพานท่าสงกรานต์เข้าตัวอำเภอพิมาย จะมีทางแยกไปเขื่อนพิมายอีกประมาณ 2 กิโลเมตร บรรยากาศไทรงามแห่งนี้มีต้นไทรขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก ไทรเหล่านี้เกิดจากต้นแม่อายุประมาณ 350 ปี
เดินทางไปท่องเที่ยว โคราชทริปนี้ไปกันสิบกว่าคนได้ค่ะ โดยที่ก็ยังไม่รุ้ว่าจะได้ไปที่ไหนบ้าง เพราะพี่ๆเป็นคนวางแผนการเดิน ทาง ทริป รวมทั้งหารค่าใช้จ่ายมาให้เสร้จสรรพ ว่าแล้วก็เก็บกระเป๋าเสื้อผ้า เตรียมพร็อบเบาๆไว้รอถ่ายรูปพอ
ที่แรกที่เราแวะก็ปราสาทหินพิมายค่ะ อันนั้นเขียนรีวิวไปรอบที่แล้วประทับใจมากกอิอิ
วันนี้จึงอยากจะแนะนำอีกหนึ่งสถาณที่ ให้เพื่อนๆได้รู้จักกัน นั่นก็คือ "ไทรงาม" ค่ะเป็นสถาณที่ท่องเที่ยวเบาๆ แน่นอนจุดเด่นต้นไทรจำนวนมากมายที่อายุอานามเกินเราไปหลายรอบ อยู่กันเป็นเกาะกลุ่มรากงี้ยาวเื้ฟื้อยเลยค่ะ แต่เสน่ห์ของเค้าอยุ่ที่ตรงนี้ล่ะค่ะ เพราะด้วยความที่รากเยอะมากกกต่อต้น เลื้อยพันกันเป็นรูปร่างรูปทรงแปลกๆ มองแนวศิลป์มันก็สวยมากเลยค่ะ นักท่องเที่ยวแวะเข้ามาักันไม่ขาดสาย พากันเดินลงมาถ่ายรูปเพรียบเลย
บรรยากาศไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ ร่มรื่นสุดๆ อากาศเย็นสบาย มีโต๊ะหินภายในไทรงามให้เรานั่งพักผ่อนหย่อนใจกันด้วยค่ะ หลายมุมเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมี ร้านอาหารไว้บริการ เหล่านักท่องเที่ยวอีกด้วยค่ะไม่ต้องกลัวอดอิอิ หลายร้านเรียงราย มีที่นั่งมีพัดลมเพดานบริการ
อาหารขึ้นชื่อของเมืองโคราชที่นี่ก็มีให้ทานแน่นอนค่ะ ไม่ว่าจะเป็น ผัดหมี่โคราช ส้มตำปลาร้า ไก่ย่าง โอยแต่ละอย่างคอนเฟิร์มว่าแซ่บจริงไรจริงค่ะเพื่อนๆ ลืมบอกไปเลยค่ะ ไทรงามแห่งนี้ไม่เสียค่าเข้าชมนะคะฟรีค่ะ
เพื่อนๆท่านใดที่ยังไม่เคยแวะมาเยี่มชมความงามที่ธรรมชาติรังสรรค์มาแบบนี้ แวะเข้ามาได้เลยนะคะจะได้เห็นความงามของต้นไทรสมกับที่ชื่อว่า ไทรงาม จริงๆเลยค่ะ
ไทรงามอยู่แถวฝายกั้นน้ำของกรมชลประทานค่ะ เขามีป้ายบอกทางตลอดไม่ต้องกลัวหลง
เมื่อก่อนร้านอาหารเหล่านี้ปูเสื่อขายอยู่ใต้ต้นไทรที่เดี๋ยวจะพาเข้าไปค่ะ
เมื่อก่อนทึบกว่านี้ แล้วก็แย่ลง แต่ตอนนี้กำลังดีขึ้นมาใหม่
อันนี้คือต้นแรก
ต้องทำคานซิเมนต์ให้ค่ะ
กินส้มตำผัดหมี่เสร็จก็ไปเดินต่อนะคะ
ที่มา:http://www.painaidii.com//business/118032/sai-ngam-30110/lang/th/
ภาพจาก:http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=tuk-tukatkorat&month=09-2008&date=29&group=4&gblog=15
