กวนน้ำให้ใส ค่าตั๋วกลับบ้านของทักษิณ เลิกใช้ผู้หญิงเป็นใบเบิกทาง (สารส้ม) ทักษิณอยากกลับบ้าน... เคยยกสารพัดข้ออ้าง ตั้งแต่อยากกลับมาพัฒนาประเทศ, "กลับมานำพี่น้องเดินเข้ากรุงเทพฯ ทันที" ฯลฯ เรื่อยมาจนถึงล่าสุด อ้างว่าอยากกลับมางานแต่งลูกสาว! แต่ใครที่รู้เช่นเห็นชาติคนๆ นี้ ย่อมนึกสงสัยทันทีว่า... นายคนนี้ทำไมถึงชอบเอาผู้หญิงมาบังหน้าเรื่องของตัวเองอยู่เรื่อย! ตั้งแต่ตอนที่วางแผนเข้ามาเป็นนายกฯ โดยลักลอบถือครองหุ้นบริษัทสัมปทานโทรคมนาคมของตนเองไว้ในชื่อผู้อื่น เพื่อจะได้ใช้อำนาจรัฐเอื้อประโยชน์แก่หุ้นที่ตนเองถือไว้ ผู้ชายคนนี้ ก็เคยซุกหุ้นไว้ที่คนรับใช้... ผู้หญิง
ต่อมา เคยซุกหุ้นไว้ที่เมีย... ผู้หญิง เคยซุกหุ้นไว้ที่ลูกสาว... ผู้หญิง เคยซุกหุ้นไว้ที่น้องสาว... ผู้หญิง มาวันนี้ นายคนนี้ยังพยายามจะซุกอำนาจรัฐไว้ในชื่อผู้หญิง คือ "น้องสาว" คิดวางแผนให้น้องสาวลงเลือกตั้ง ส.ส. หวังจะเชิดเป็นนายกฯ แล้วก็จะได้ใช้อำนาจรัฐเพื่อบรรลุผลประโยชน์ส่วนตัวของผู้ชายคนนี้ ใช้ผู้หญิงอีกแล้ว! ถึงขนาดนี้ ยังมีหน้าจะมาหาเสียงเลือกตั้ง ด้วยการชูประเด็นผู้หญิง ทั้งๆ ที่ พฤติกรรมของเขานั้น มันถูกมองได้ว่าเป็นการกดขี่ ข่มสตรีลงเป็นเครื่องมือรับใช้ผลประโยชน์ของตนเอง!
แถมล่าสุด ก็เอาผู้หญิงตัวเล็กๆ ออกมาบังหน้า หวังใช้เป็นเครื่องมือบรรลุวัตถุประสงค์ของตนเอง(อีกแล้ว) ด้วยการยกเอางานแต่งงานของลูกสาวขึ้นมาเป็นข้ออ้าง แต่วัตถุประสงค์แท้จริง เล็งเห็นว่า ต้องการได้รับนิรโทษกรรม ล้มล้างความผิดจากคดีทั้งปวง โดยเฉพาะคดีทุจริตคอรัปชั่น ถูกยึดทรัพย์อันได้มาโดยมิชอบให้ตกเป็นของแผ่นดิน 46,000 ล้านบาท, ถูกศาลฎีกาพิพากษาในคดีที่ดินรัชดาต้องติดคุก 2 ปี และคดีทุจริตอีกมากมายหลายคดีที่ยังรอเขาอยู่ในชั้นศาล เชื่อว่า ถ้าน้องสาวได้เป็นนายกฯ ก็จะช่วยปัดเป่าล้มล้างคดีของเขา และช่วยให้เขาได้กลับบ้านโดยไม่ต้องรับโทษจำคุกตามที่ศาลฎีกาพิพากษาคดีถึง ที่สุดไปแล้ว เพราะด้วยวิธีนี้เท่านั้น เขาจึงจะตีตั๋วกลับเข้าประเทศไทย และได้ไปร่วมงานแต่งลูกสาวที่วางแผนจะจัดงานในช่วงปลายปี 2554 โดยไม่ต้องเข้าคุก รับโทษตามคำพิพากษาของศาลเหมือนชาวบ้านทั่วไป เรียกว่า ใช้น้องสาวเปิดประตูคุก แล้วใช้ลูกสาวเป็นเครื่องอำพรางตัว! แหม... ผู้ชายคนนี้ ช่างเป็นพี่ชายที่แสนดี และเป็นพ่อที่ประเสริฐเสียจริง! ถ้าใช้วิธีตีตั๋วกลับบ้านแบบนี้ สังคมส่วนรวมจะต้องแบกภาระค่าตั๋วกลับบ้านให้ทักษิณ ภาระต้นทุนที่แพงที่สุด คือ กฎหมายไม่เป็นกฎหมาย อำนาจตุลาการศาลยุติธรรมถูกล้มล้าง คนผิดไม่ต้องรับโทษ กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย และอย่างน้อยที่สุด ต้นทุนสำคัญอีกส่วนหนึ่งก็คือ ความเสียหายของแผ่นดินที่ถูกทักษิณทุจริตไป ก็จะถูกลบมลายหายสิ้นไป ไม่มีวันทวงคืนกลับมาเป็นของแผ่นดินได้อีก ไล่ตั้งแต่ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติ ซึ่งศาลฎีกาฯ ได้มีคำพิพากษา
ถึง ที่สุดแล้ว มูลค่า 46,000 ล้านบาท โดยที่คดีนี้ผูกโยงกับผลประโยชน์ของรัฐที่ได้รับความเสียหายอีกมหาศาล จากการใช้อำนาจรัฐเอื้อประโยชน์แก่ตนเองของทักษิณ ไม่ว่าจะเป็น องค์การโทรศัพท์ฯ กระทรวงไอซีที เอ็กซิมแบงก์ ฯลฯ ล้วนได้รับความเสียหายจากการกระทำเพื่อเอื้อประโยชน์แก่ตนเองของทักษิณ มูลค่ารวมหลายแสนล้านบาท! โดยที่การกระทำเหล่านั้น ได้ถูกศาลฎีกาฯ ชี้ขาดในคำพิพากษาแล้วว่า เป็นการเอื้อประโยชน์แก่ตนเองโดยมิชอบ ซึ่งยังจะต้องมีการ "ไล่เบี้ย" เอากับทักษิณและพวกอีกมากมาย ความเสียหายของรัฐ หรือความเสียหายต่อประเทศชาติส่วนรวม มีมากกว่ามูลค่าทรัพย์สินที่ทักษิณทุจริตไปเสียอีก แต่ถ้าล้มล้างคดีความผิด ฟอกตัวให้ทักษิณ ทั้งหมดนี้ อาจจะกลายเป็น "ค่าตั๋ว" ในการกลับบ้านของทักษิณ ที่โยนภาระมาให้ประเทศชาติส่วนรวมต้องมาแบกรับแทน ดังนั้น ขอวิงวอนว่า ถ้าทักษิณยังเป็นลูกผู้ชายจริง ขอได้โปรดเลิกใช้ผู้หญิงเป็นเครื่องมือ! และได้โปรดเดินทางกลับบ้านเพื่อมารับโทษตามคำพิพากษาของศาล และต่อสู้ในคดีที่เหลืออยู่ตามกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย ซึ่งเชื่อว่ารัฐบาลไทยพร้อมจะออกค่าตั๋วเครื่องบินกลับบ้านให้ด้วยซ้ำ! ขอเถอะ... ประเทศชาติบอบช้ำมาเกินพอแล้ว เพียงเพราะผลประโยชน์ของผู้ชายชื่อ "ทักษิณ"